12/6/2550
12.44 น.
"เบื้องหลังและคำสารภาพ"
เวลาสายๆของวันที่ดวงตามองเห็นตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่ง
ทั้งๆที่จิตใจกลับมองเห็น ตัวตนในอดีตที่กำลังย้อนกลับมา
ภาพเรื่องราวต่างๆมันก็ผุดขึ้นมาภาพแล้วภาพเล่า
เง่อ...เค้าว่าคนใกล้ตายจะมองเห็นภาพในอดีต หรือว่า...(-_-")
๕๕๕ (ขอหัวเราะเป็นภาษาไทยซักที)
น้องเรา...ช่วงนี้มักจะมีแต่เพื่อนๆส่งข่าวการสอบตก
ตัวเรา...ช่วงนี้มักจะมีแต่เพื่อนๆส่งข่าวการแต่งงาน
แม่เรา...ช่วงนี้มักจะมีแต่เพื่อนๆส่งข่าวการตาย
เป็นดัชนีชี้วัดความแก่ได้เหมือนกันนะเนี่ยข่าวพวกนี้
ได้คุยกับน้องๆเรื่องของการเป็นคนสำคัญ
การได้อยู่ในมหาวิทยาลัยในฐานะบุคคลพิเศษ
เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนไหว้(นึกว่าตัวเองเป็นพระไปเลยนะนั่น)
กลายเป็นว่าระแวงไปหมด ต้องคอยระแวดระวังว่าจะมีน้องๆโผล่มาทักเราตอนไหน
เดินไปเรียน...พี่อ้วนสวัสดีค่ะ
กินข้าว(มูมมามด้วยอายมาก)...พี่อ้วนสวัสดีค่ะ-ครับ (เก็บเศษกระดูกไก่ที่ติดหัวแทบไม่ทัน)
เหร่สาว...พี่อ้วนสวัสดีค่ะ ทำอะไรอยู่คะ (จะบอกว่าเหร่สาวก็จะมั่นใจไปหน่อย)
อ๋อ ฝึกทำตาเหร่คับ
แม้แต่เข้าห้องน้ำ...พี่สวัสดี ฉี่อยู่เหรอคับ(เออสิฟะ ถามแปลกๆ
ไม่ใช่กระสือนะเฟ้ยจะได้เข้ามาหาอะไรกิน)
นั่งฟังตัวเรา 2 คนทะเลาะกัน โดยมีเราอีกคนนึงนั่งฟังอยู่เงียบๆ
รำคาญมันสองคนจริงๆเลยแฮะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทะเลาะกันทำไม
กลับมาคิดอีกที ไอ่สองคนนั้นมันก็ตัวเรานี่นา อ่าว พลาด
เวลาไม่มีคนสนใจมันก็เหงานะ แต่มันก็สบายใจ และหลุดพ้นจากการคาดหวัง
เวลามีคนสนใจมันก็ดีนะ แต่ขาดโลกส่วนตัวและไม่สบอารมณ์เลยน่ะสิ
เรื่องมากซะจริง ขอสรุปได้มั้ย ฮา... ไม่มีบทสรุป
เริ่มอีกแล้ว อาการวกวน รู้สึกดีที่รู้ตัวเองว่าวกวน
ถ้าเราบอกคนเมาว่าเธอเมาแล้วนะ คนเมาก็จะบอกว่า ม่ายมาว ม่ายมาว
แล้วถ้าคนเมาบอกเราว่า เมาแล้ว เค้าจะเมารึป่าวเนี่ย ตกลงอาการเมานี่มันสับสนนะ
วกวนจริงๆ
คนบ้าก็มักจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนบ้า
แล้วถ้ามีคนบอกว่าเค้าเป็นคนบ้าล่ะ เค้าจะเป็นคนบ้ารึป่าว วกวนเหลือเกิน
ถ้างั้นก็คงไม่แปลกถ้าคำพูดจากปากเราจะไม่ตรงกับใจ สับสนสิ้นดี
กลับไปกลับมา
กลับไปไหน กลับไปนั่งทำงาน
กลับไป กลับไปบ้าน
กลับไป กลับไปเป็นเหมือนเดิม
วันนี้เป็นวันว่าง ว่างมากๆในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
แต่ดันเป็นคนขยันซะอีกนี่สิเลยไม่ยอมจะอยู่เฉย
แล้วไงล่ะกับวันที่วกวน
จิตใจล่องลอยไปเรื่อยๆ แต่ตัวก็ยังอยู่ที่เดิม
นั่งนิ่งๆ คิดสิ่งต่างๆ
คิดออกมั่งไม่ออกมั่ง แล้วก็พิมพ์มันลงในคอมแล้วก็ลบมันทิ้ง
คิดใหม่ คิดออกอีกแล้ว พิมพ์มันอีกครั้ง แล้วก็ลบมันอีกครั้ง
ผ่านไปอีกแล้ว อนูความคิดหนึ่งที่เข้ามาและก็ผ่านไป
ความอบอ้าวในวันที่อากาศร้อน
คงทำให้สติล่องลอยไปได้ไกลกว่าเดิม
ดวงตายังคงตื่นอยู่ แต่ก็เห็นภาพต่างๆ
คงเป็นฝันกลางวัน
ความฝันที่เราแปลงกายเป็นก้อนเมฆ แล้วก็ลอยไปลอยไป
บ้า...
14/6/2550
14.12 น.
"ประมาณว่าอินไปหน่อย"
หลังจากเวลาเที่ยงเวลาแห่งมหกรรมกินข้าวของโลก
คนแต่ละคนก็จะต้องต่อสู้ฝ่าสนามรบเข้าไปจับจอง
พื้นที่ที่มีชัยภูมิอันได้เปรียบ มาก่อนได้ก่อน
มาหลังโต๊ะเต็มก็รอกันไปตามอัตภาพ
เหล่าหมู เห็ด เป็ด ไก่ ที่น่าสงสารก็ได้เวลาพลีชีพ
เหอๆนั่งมองขาหมูมื้อเที่ยงแล้วก็คิดในใจเล่นๆ
ขาข้างนี้ที่เรากำลังเอร็ดอร่อยอยู่นี่ มันข้างซ้ายหหรือข้างขวา
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับอีกข้างอยู่ไหน สงสารน้องหมู
ชะรอยว่าวันหนึ่งขาหมูทั้งสอง ไม่สิ 4 ข้าง
อาจนำพาให้เนื้อคู่กันแต่ปางก่อนมาเจอกันก็ได้ใครจะรู้
ว่าแล้วด้วยความเวทนาปนสงสารเลยซัดน้องขาหมูไป 2 จาน
แกนนำม๊อบ สนามเด็กเล่นบุกศาลายา
วานนี้ พฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2550
ทางร้อยเวรกรรม อ้วนจังปลอมตัวมา เจ้าหน้าที่สืบสวนของสถานีตำหนิศาลายา
ได้รับแจ้งเหตุพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย บริเวณสนามเทนนิส
ของมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา
จึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 20.00 น.
ระหว่างทางได้เดินผ่านทางเดิน season change
ก็เลยลืมตัวนึกว่าตัวเองเป็น ป้อม ซีซั่นเชนจ์
เดินทำมิวสิคไปตลอดทาง
เสียดายไม่มีน้องดาวเดินเคียงคู่ คงจะมีก็แต่น้องดาวน์ซีนโดรมเท่านั้น
บรรยากาศโดยรวมเป็นปกติพบนักเรียนของวิทยาลัยดุริยางคศาสตร์
หน้าตาเรียบๆถึงมีคลื่นเล็กน้อย ห่างฝั่งมีคนสวย ความสวยประมาณ 1-2
แม้ว
ผู้เป็นโรคหัวงูควรงดออกจากฝั่งเด็ดขาด (คุกๆๆๆๆ
ไอแปลกจังวันนี้)
จากการสอบถามพยานปากสำคัญ(ที่บังเอิญหลงเดินมาเป็นเหยื่อ)
ก็ได้เค้าโครงของคนร้ายและสถานที่เกิดเหตุ จึงเร่งรุดไปยังที่เกิดเหตุอีกที
(สงสารรุดจังเกิดเหตุทีไร รุดโดนเร่งทุกที)
มาถึงที่เกิดเหตุพบเหล่า นักศึกษามหิดลมุงกันอย่างล้นหลาม
ประมาณว่าอย่าขยับเราได้ล้อมเจ้าหน้าที่ไว้หมดแล้ว
เจ้าหน้าที่อ้วนจังจึงเร่งแต๋วไปที่เกิดเหตุบ้างเพราะแต๋วเป็นแฟนรุด
พบกลุ่มผู้ต้องสงสัยประมาณ 7-8 คน
จึงได้เข้าจับกุมได้โดยละม่อม (โอยตัวละครชักเยอะมีละม่อมเข้ามาอีก)
หลังจากได้ทำการเข้าจับกุมแล้วก็นำตัวผู้ต้องสงสัย
มาสอบปากคำที่ห้องพักศิลปิน
สอบปากคำไปเล่นบิงโกไป แต่ผู้ต้องสงสัยไม่ยอมให้การใดๆ
แถมกินตังค์ ร้อยตำนิ อ้วนจังปลอมตัวมา ไป 20 บาท
ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมประกอบการเอาผิด
ต่อมาเวลาประมาณ 21.40 น.
เจ้าหน้าที่ได้พบพยานปากสำคัญหนึ่งคน
ได้เข้ามาให้การและชี้ตัวคนร้ายซึ่งตรงกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้งหมด
ผู้ต้องสงสัยจึงยอมรับสารภาพ
ทราบชื่อภายหลังว่า ติ๊ก ตุ้ย ตุล เก้ง ชาติ และพวกอีกรวม 7 คน
ได้ดำเนินการปลุกปั่นความมันส์ทำให้เกิดความวุ่นวานไปทั่วทั้งฮอลล์
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ผู้ต้องหา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เล่นเอาน้องๆเฟรชชี่ เกิดอาการกระแด่วๆผิดปกติไปตามๆกัน
หวิดทำให้ผู้ต้องหาและเจ้าหน้าที่โดนประชาทัณฑ์
และหลังจากได้ทำแผนแล้วก็จะได้ขออำนาจศาลพระภูมิฝากฝังและรอดำเนินคณะบดีต่อไป
ในเบื้องต้นร้อยตำหนิอ้วนจังปลอมตัวมา จะสามารถเอาผิดกลุ่มคนกลุ่มนี้ได้
3 ข้อหาด้วยกัน คือ
1. ล่อลวงเด็กอายุไม่ต่ำกว่า15 ปี
ด้วยเพลงกล่อง
2. พรากผู้เฒ่าสาวแก่ แม่หม้าย ด้วยเพลงคำสาป
3. ก่อความไม่สงบและปลุกปั่นทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อสติ ด้วย ปล่อยวาง
และกังฟู
และได้ฝากพลเมืองดีทุกท่านหากทราบเบาะแสของคนร้ายกลุ่มนี้อีก
โปรดเจ้งมาได้ที่ สำนักงานตำหนิแห่งชาติ กระทรวงสนามเด็กเล่น
หรือโทรเข้ามาที่ ฮอตไลน์ 1900
90000999900000099009009990009 (แล้วใครจะจำได้เนี่ย)
แต่เดี๋ยวก่อน...หากคุณโทรมาภายใน 3 นาทีนี้
คุณจะได้บัตร"กำนัน"เดินเข้าห้างฟรีไม่ต้องถอดรองเท้าทันที
___________________
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล.เหอๆหาอะไรไร้สาระมาโพสเรื่อยๆ ยังไม่อยากให้จบครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น