Facebook

"This is a playground world"

กว่าจะมาเป็น Playground ตอนที่ 15

27/1/2550

8.45 น.

"ถนนแห่งกลีบดอกไม้"

หลายวันมานี้เริ่มมีกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากการทำงานประจำ
การเล่นเกม การเหล่หญิง การไปเที่ยว การดูทีวี การไปออกกำลังกาย
นั่นก็คือการคุยกับน้องๆ ผ่านทางเทคโนโลยี MSN
อันนี้ต้องขอยกความดีให้พี่ตุ้ยอีกเช่นกันที่ได้โพส อีเมลล์ ของผม
ไว้ให้ในที่ไหนซักแห่งในบอร์ด ก็เลยมีน้องๆเข้ามาคุยด้วยมากมาย
เพียงแต่ว่าบางทีผมเองก็ต้องไปทำอะไรต่างๆ ตามที่ได้บอกแล้ว
จนบางครั้งหลายๆคนที่เข้ามาคุยก็เริ่มสงสัยว่าเข้ามาทีไร
ก็เจอผมออนไลน์อยู่ตลอด ไม่รู้จักไปหลับไปนอนหรือไงนะอีตานี่
ไว้ความลับนี้จะมาเฉลยต่อไปนะครับ

อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรัก
เดือนที่เห็นน้องๆที่เรียนมหาลัยเริ่มตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ
ว่าง่ายๆว่าใกล้สอบเข้าไปอีก 1 เดือน
และตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้อนไปจนถึงเดือนมีนา
ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการสอบปลายภาค
ที่มหาวิทยาลัยริมทะเลของผมจะมีเหตุมหัศจรรย์อย่างนึง
ซึ่งนั่นก็คือจะมีถนนในมหาลัย 1 สาย กลายเป็นสีขมพู
ถนนนั้นมีชื่อว่าถนนชมพูพันธุ์ทิพ
ซึ่งสาเหตุทีทำให้ถนนกลายเป็นสีชมพูก็เพราะว่า ทุกๆปี
ช่วงเวลาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน
เจ้าต้นชมพูพันธ์ทิพที่ถูกปลูกไว้ตลอดแนวสองฝั่งถนน
จะแข่งกันสวยก็คือจะออกดอกพร้อมๆกันและดอกของมันก็จะร่วง
ลงมาที่พื้นเนรมิตรถนนทั้งเส้นให้กลายไปเป็นถนนสีชมพู
สวยงามซะจนเหมือนกับทิวทัศน์ในเทพนิยายจริงๆ

ปล.เหมือนพาทัวร์มหาลัยเลยเนอะ 


29/1/2550

17.43 น.

"พันธมิตรมหาลัย"

อากาศช่วงนี่เปลี่ยนแปลงบ่อย
อากาศหนาวขึ้นอีกแล้ว
ความจริงอยากให้อากาศหนาวมากๆแบบนี้
เพราะว่าจะได้ขนเอาเสื้อกันหนาวออกมาใส่
ถึงมันจะเก่าซอมซ่อแต่ก็รู้สึกว่ามันแสนจะอบอุ่น
ปีที่แล้ว 2549 งานรับปริญญาอากาศร้อนซะจนไม่ค่อยสนุก
เพราะทุกๆปีที่ผ่านมาเมื่อถึงงานรับปริญญา
อากาศจะเป็นใจซะทุกครั้งจนทำให้ทั้งครอบครัวบัณฑิต
และตัวบัณฑิตเอง รู้สึกมีความสุขแบบสุดๆ
เพราะปีที่วงเพลย์กราวด์รับปริญญา อากาศเย็นสบายดี
จนเห็นมีแต่รอยยิ้มไปซะทุกหนแห่ง

ที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดที่มีฮวงจุ้ยดี มีทั้งภูเขาและทะเล
ถ้ามีที่ดินหน้าภูเขาหลังทะเล เอ๊ะ หรือหน้าทะเลหลังภูเขา
จะอะไรก็ช่างเอาเป็นว่าบรรยากาศดีก็แล้วกันคับ
และแน่นอนนอกจากจะมีมหาลัยริมทะเลแล้ว
ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีมหาลัยริมเขา ไม่ใช่หลังเขานะ
แต่พูดไปมหาลัยนี้ก็สวยมากทีเดียวเจียว
เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกคับเพียงแต่สมัยปี 1
ดันมีเด็กทะลึ่งอยู่ หน่อ ไปสร้างวีรกรรมไว้นะสิ
เนื่องด้วยทุกๆสถาบัน ทุกๆมหาวิทยาลัย
เมื่อมีน้องๆเข้ามาในปีแรกเพื่อสร้างความประทับใจ
ก็จะมีงานรับขวัญน้องหรืออะไรก็แล้วแต่ตามแต่จะเรียกกัน
ซึ่งก็แน่นอนล่ะคับว่ามหาลัยแต่ละแห่งก็จะจัดงานไม่ตรงกัน
หรือจะมีตรงกันก็ต้องบังเอิญจริงๆน่ะครับ
และเหตุนี้เองเนื่องจากผมก็พอจะมีเพื่อนๆที่บ้าๆพอกัน
อยู่ที่มหาลัยริมเขา ก็เลยเริ่มไอเดียบรรเจิด
เพราะด้วยรู้ว่ากำหนดการงานต่างๆของทั้ง ที่ไม่ตรงกันเลย
ก็เลยอยากจะมาซึมซับบรรยากาศของทั้งสองที่ก็เลยวางแผน
แอบเนียนเข้ามาที่งานรับขวัญน้องของมหาลัยริมเขากับเค้าด้วย
ก็ได้ความรู้สึกที่แปลกๆดี จริงๆแล้วทั้งสองที่ก็ดีอ่ะนะคับประทับใจ
เลยทำให้ผมมีมุมมองอะไรๆที่ไม่อยากตัดสินว่าผิดถูกจนบัดนี้
แต่เรื่องวันนี้ไม่ใช่วีรกรรมของผมในเรื่องนี้หรอกขอรับท่าน
เพราะอีก 1 หนุ่มจากนิทานเรื่องแรกหาใช่ใครไม่
ก็คือมือเบสเพลย์กราวด์พี่เก้งของเรานั่นเอง

เพราะด้วยเหตุนี้ก็เหมือนกับพี่เก้งได้สานสัมพันธ์ลึกๆ(อย่าคิดลึกนะ)
ระหว่างมหาลัยริมทะเลกับมหาลัยริมเขาเข้าไว้ด้วยกัน
และไม่นานเกินรอ 3 ปีผ่านไป สายสัมพันธ์ก็ทำให้พวกเค้า
แทนที่จะแค่เล่นดนตรีกันในมหาลัย
แต่ตอนนี้ได้ออกมาแลกเปลี่ยนมุมมองต่อโลกภายนอกบ้างแล้ว
งานแรกเล่นเนื่องในงานอะไรก็ไม่ทราบครับ
รู้แต่ว่าเป็นงานที่พวกเพลย์กราวด์ได้ออกไปเล่นข้างนอก
และหลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสชักชวนกันไปเล่นเรื่อยมา
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนไม่ว่าจะอยู่กับใครเพลย์กราวด์
ก็ยังยึดมั่นในจุดยืนของตัวเองเสมอ เป็นวงดนตรีที่อัธยาศัยดี
บทชมผ่านไป หุหุ บทต่อไป ขอเผาล่ะงานนี้

เลศนัยแห่งความจริงมีไม่กี่ข้อหรอกคับ
อาจเนื่องมาจากว่าในงานเหล่านี้เค้าจะเลี้ยงแขก
โดยเฉพาะนักดนตรีเป็นอย่างดี อาหารอร่อยอิ่มจัมโบ้ว่างั้น
ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะไปทานอาหารฟรีนี่คับ
หรืออาจจะเนื่องจากในมหาลัยเหล่าศิลปินของเรา
ไม่สามารถอัธยาศัยดีคับใครได้อีกแล้ว
ประมาณว่าเค้ารู้กำพืดหมดแล้ว เอิ๊กๆ
ก็เลยต้องออกไปหาเป้าหมายใหม่ที่อื่น

ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ดีต่อพวกเค้าเป็นอย่างมาก
จากที่อยู่ในมหาลัย มีแต่คนด่าอย่างเดียว
ออกไปนอกมหาลัยก็มีแต่คนด่าอย่างเดียวเหมือนกัน 555
ใช่ซะที่ไหนเล่า เค้าก็มีคนชมบ้างด่าบ้างประปรายอ่ะนะคับ
ด่าอย่างเดียวคงไม่ไหวกลับไปตั้งใจเรียนบ้างดีกว่า
ซึ่งจริงๆ จะว่าไปพวกเค้าจะได้รับแต่เสียงชมนะ
เพราะพอมีใครด่ามาก็ฮารับตลอด คนด่าล่ะกลุ้มเลย
อ่ะมาว่ากันต่อนอกเรื่องไปไหนเนี่ยแย่จริงๆ
เมื่อได้รับคำติชมมากขึ้นและการที่วงมีทุกอย่างครบแล้ว
มีมือกลองเป็นของตัวเองแล้ว อะไรๆมันก็ราบรื่นไปหมด
เล่นตลกทีไรก็ฮาไปหมดว่างั้น(พวกเค้ามีพรสวรรค์จริงๆนะ)
สิ่งเหล่านี้ทำให้การซ้อมดึกดื่นแม้ตีหนึ่งตีสองก็ยังสนุกสนานได้

ณ ขณะนี้มุมมองต่างๆได้ขยายกว้างขึ้น
เริ่มมีสิ่งเร้าที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
ทางเดินที่พวกเค้ากำลังก้าวไปแต่ละก้าวมันน่าตื่นเต้น
น่าติดตามเสียเหลือเกิน
บางครั้งถึงกับต้องถามเป็นเสียงเดียวกันว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก
เอาเป็นว่า ณ ค่ำคืนนี้ วณิพกน้อย อาจต้องดับตะเกียงและอำลาไปก่อน
ราตรีหน้า เมื่อเห็นแสงตะเกียงได้ถูกจุดขึ้น
เราก็จะได้มาติดตามการเดินทางของพวกเค้ากันต่อไป

____________
โปรดติดตามตอนต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น