Facebook

"This is a playground world"

กว่าจะมาเป็น Playground ตอนที่ 18

22/2/2550

9.49 น.

นอกเรื่องนอกราวของเหล่านางฟ้า 3

"คู่หูขี้เมากับเขาสามมุข"

มีโอกาสได้เขียนบันทึกแต่เช้าแบบนี้เพราะอีกสักประเดี๋ยว
ก็คงต้องออกไประเหเร่ร่อนเป็นสัมพะเวสีในกรุงเทพฟ้าอมร
แดดยามเช้ามันช่างร้อนแรงแยงสายตาเหลือเกิน
สำหรับคนนอนดึกเวลาเช้าแบบนี้มันทำให้ทำอะไรเงอะๆงะๆไปหมด
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้มากนักก็มานั่งเขียนบันทึกดีกว่า

ค่ำคืนของบางแสน แดนสายลมไหว และ แสงแดดจ้า
ก็มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอยู่ไม่น้อยเลย มีชายหาด มีน้ำทะเล
มีสะพานปลา มีถนนที่เรียงรายไปด้วยแหล่งบันเทิงยามราตรี
หน้ามอก็มีศูนย์อาหารนาๆชนิด มีที่นั่งเหร่สาวชั้นเฟิร์สคลาส
มีม้านั่งอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วย ยุง (ตัวเท่าแม่ไก่)
หรือจะเป็นซอยสดใสที่มีร้านเกมร้านเน็ต ร้านข้าว ร้านนม และขนม
เลยจากบริเวณมหาวิทยาลัยมาหน่อยเรื่อยมา
ตามถนนที่ทอดผ่านชายหาดไม่ไกลนัก จะมีภูเขาเล็กๆ
บางคนเรียกว่าเนิน แต่เขาลูกนี้ก็มีชื่อน่ารักๆ ซึ่งเป็นตำนานเล่ากันมา
นั่นก็คือเขาสามมุข
สามมุขมีที่มาจากไหนผมก็ไม่ได้รู้ดีไปกว่าใครหรอกครับ
บ้างก็ว่าเป็นที่ๆหญิงสาวชื่อมุขมาพิสูจน์รักแท้ชาวบ้านก็เลย
ตั้งชื่อเขานี้ว่า เขาสาวมุข แล้วก็เพี้ยนไปเป็นสามมุขซะอย่างนั้น
จริงเท็จประการใดไม่ทราบได้ทราบแต่ว่าลิงและงูเหลือมเยอะมาก
แน่นอนครับว่าเพลย์กราวด์ของเราก็ย่อมไม่พลาดสถานที่แห่งนี้
หากมีเวลาว่างก็จะหาโอกาสมานั่งเล่นกินลมชมวินกันบ่อยๆ
555 ขออนุญาติขำล่วงหน้า หนุ่มๆน่ะครั้นจะมากันเองก็กระไรอยู่
ก็ต้องมีการชักชวนน้องๆเพื่อนๆ โดยเฉพาะสาวๆไปด้วย
และถ้าจะต้องไปที่เขาสามมุขก็มักจะมีน้องสาวขาประจำ นาง
ซึ่งก็เป็นน้องสาวที่น่ารักดีทีเดียว ชวนทีไรไปทุกที
แต่มาทีไรพี่ไม่เคยจะเลี้ยงเลยซักทีแย่จริงๆนะพี่ๆเพลย์กราวด์
แต่ก็สนุกสนานกันตามประสา
และที่ต้องขอคารวะก็คือความคอแข็งของน้องๆนี่ล่ะ
ไม่เคยจะเห็นสองนางเมาซักที
ผมนะแค่เปิดฝาก็เมาแล้ว จริงๆเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้น้อง
หญิงไทยใจงามทุกท่านต้องเป็นขี้เมานะคับ
ก็เพียงแต่รู้ไว้และวางตัวดีๆ ก็ทำให้สองสาวมีเสน่เป็นที่ประทับใจ
ของพี่ๆนักดื่มขึ้นมาทันทีทันควัน
เรียกว่าจะไปกินที่ไรนึกถึงขึ้นมาทุกที

นั่งคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยนึกมุขไม่ออก
เล่นมุขไม่ขำ ชนแก้วไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
เอาชนนนนนนนนนนนน

23/2/2550

23.32 น.

นอกเรื่องนอกราว

"ควันหลงความรักส่งท้ายปลายเดือนแห่งความรัก"

เป็นเรื่องราวความรักนิรันดร์จากรายการคนค้นคน
ออกอากาศเมื่อวันที่ 13 คับ
ไม่ได้ดูเองแต่มีเพื่อนๆส่งมาให้
ก็เอามาให้ได้อ่านกันเผื่อนะเป็นแบบอย่างดีๆให้ใครๆหลายๆคน
จะได้ช่วยมีความสุขแทนคนที่โดนสาปคนนี้ด้วย

ความรักที่เค้าเรียกว่ารักนิรันดร์


นับถอยหลังไปอีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะถึงวันวาเลนไทน์ วันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความรัก
ที่ใครหลายคนให้ความสำคัญกับวันนี้ ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าเป็นของคู่กัน ความเหมือน ความพอดี
ความลงตัว หากแต่นิยามความรักของตาลอบ ที่มีต่อยายทองนั้น กลับมองว่าวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนั้น
ไม่เคยมีความหมายต่อตาและยายเลย เพราะชีวิตรักที่ตาและยายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปีนั้น
ไม่เคยมีวันไหนที่ความรักของตาที่มีต่อยาย และยายมีต่อตานั้นลดน้อยลงไปตามกาลเวลาเลย
หากแต่..ความรักของทั้งคู่กลับเพิ่มพูนขึ้น สวนทางกับสังขารที่เริ่มจะโรยรา

สำหรับตาวันนี้มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆ วันหนึ่ง ไม่มีความหมายอะไรเลย
ดอกกุหลาบมันจะสู้สิ่งที่เราทำดีให้กันทุกวันได้ยังไง มันเทียบกันไม่ได้หรอก
ตาไม่เห็นว่ามันจะสำคัญกับชีวิตตรงไหน เพราะถึงไม่มีวันนี้ ยังไงตาก็ยังรักยายเท่ากันทุกวัน

อมร สีสุภเนตร หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย รู้จักกันในนามของ “ตาลอบ
ส่วนภรรยาคู่ทุกคู่ยากชาวบ้านเรียกขานกันว่า ยายทอง” พื้นเพเดิมยายทองเป็นคนอำเภอวังทอง
จังหวัดพิษณุโลก ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคานจังหวัดเลย ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ
สภาเพิงเก่าๆ หลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ
เมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกตุเห็นว่าบ้านของตา เสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ เพราะอุปกรณ์
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาล
ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่

ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วตาลอบ ซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจน ได้พบรักกับยายทอง
แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน ในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลางอำเภอเชียงคาน
หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปีจนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกัน
ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไร
ไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย หากแต่มีเพียงคำมั่นสัญญา
ที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิงสาวที่เขารักว่าจะครองรักและดูแลกันตลอดไป
ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึง

เวลาผ่านมา 50 ปี ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า
และตลอดเวลาที่ผ่านมาความรักของคนทั้งคู่ที่มีให้กันก็มากพอ
และสม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำแต่จะเป็นเพราะสวรรค์บัญชา
หรือฟ้ากำหนด จู่ๆ ปี 2538 ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย
ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เมื่อ ปีที่ผ่านมาอาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก
จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก
นอกจากส่งเสียงร้องไห้ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง บางครั้งก็มีแต่น้ำตา
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไร

ยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมา
พอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา หรือไม่ก็ต้องส่งเสียงตอบกลับไป
ส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า “ อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว ” บางทีก็บอกยายว่า “เราจะอยู่กับเธอ
จะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน” ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล ปรนนิบัติฝ่ายหญิงหากแต่สิ่งที่ตาทำนั้น
ได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็แสวงหา

ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกันเราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญากับยายว่า
จะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลยน์
เพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย
ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย
เราต้องอยู่แบบมีความหวัง เพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไป
จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง “หากก่อนที่จะจากกันไปในชาตินี้ใจลึกๆ ตาลอบก็อยากให้ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง
เพราะอยากให้ยายฟื้นขึ้นมาอีกซักครั้ง เพื่อที่จะถามข้อข้องใจที่ชายคนหนึ่งเก็บไว้มาหลายปี
ว่าที่ผ่านมาเขาทำดีพอที่สามีคนหนึ่งจะทำให้ภรรยาที่เขารักที่สุดได้หรือไม่

ถึงแม้ว่าบั้นปลายชีวิตอันแสนสุข จะถูกพรากไป และแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมาน
จากอาการเจ็บป่วยของึ่งอีกฝ่ายหนึ่ง คำมั่นสัญญาทุกคำ
ที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้กับยายทองก็ยังไม่มีคำใดหรือตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ตลอดระยะเวลา 12
ปีที่ยายทองล้มป่วย แทบจะทุกนาทีของชีวิตตาลอบได้มอบให้กับการเฝ้าดูแล ประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิด
ไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น

ตาดูแลยายไม่เคยห่าง ตาต้องดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่อง อาบน้ำ เช็ดตัวไปจนถึงเรื่องการเช็ดอึ เช็ดฉี่
อาหารการกิน อาการเจ็บป่วยต่างๆ เราต้องคอยสังเกตุตลอดเวลา เวลาทำอะไรตาก็จะนึกถึงยายก่อนเสมอ
ถ้ายายยังไม่นอนตาก็ยังไม่นอนหรือถ้ายายยังไม่ได้กินข้าวตาก็จะยังไม่กิน เพราะต้องป้อนยายก่อน
การดูแลปรนนิบัติยาย ตาลอบจะทำเพียงคนเดียวทุกครั้งและตาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยป็นอย่างดี
แม้แต่แพมเพอร์สตาก็จะไม่ใส่ให้ยายเพราะเกรงว่าจะอับชื้นและทำให้เป็นแผลเน่าเปื่อยได้
ตาจึงไม่เคยเบื่อกับการที่ต้องคอยเช็ดอึ เช็ดฉี่อยู่ตลอดทั้งวัน
เสื้อผ้าของยายตาก็จะไม่ซักผงซักฟอกเพราะกลัวยายจะแพ้และเป็นผื่น ฯลฯ ทุกวันนี้ตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไป
ไม่อยากให้ยายตายเลย อยากให้อยู่เป็นเพื่อนกัน อยู่เป็นคู่รักกันตลอดไป
ตาไม่เคยคิดอย่างคนอื่นเลยว่าตายไปภาระจะได้หมดลงไม่เคยคิดเลย ”

ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตา คือภาพชายชราวัย 73 ปี ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้า
โดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนที่ไปตามถนนหนทางต่างๆ
รถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือ เพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้น
ก็เกินกำลังที่ตาจะมีได้ ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่าง
จึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้ และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝน
และมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆ ที่ตาทำเช่นนี้หวังเพื่อให้ยายอยู่ใกล้กับตาตลอดเวลา
เพราะเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน ดังนั้นเวลาตาจะไปไหนก็จะพายายไปด้วยเสมอ
ใครที่เห็นรถของตาต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่เหลียวหลัง และต่างก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆ นานา
บ้างก็นึกว่าเป็นรถซาเล้ง รถขายของ รถเก็บของเก่า บ้างก็ว่ารถขนศพ
แต่ถึงอย่างไรตาลอบก็ไม่สนใจคำครหาเหล่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่ตาพายายออกมาอย่างนี้
ก็เพื่อให้ยายออกมารับอากาศข้างนอก ให้ยายได้รับการทักทาย พูดคุยจากผู้คนต่างๆ
เพื่อกระตุ้นให้ยายรู้สึกตัวมากขึ้น นอกจากนี้ตายังรู้ใจยายดีว่ายาย ชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆ
ตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่มีความสำคัญๆ ในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆ ทำมาหากินด้วยกันทั้งนี้ตาทำเพื่อพายายไประลึกถึงความหลังอันงดงาม
เพื่อกระตุ้นความจำ ความรู้สึกของยายและอย่างน้อยความหลังเหล่านี้
เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรมที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย

บ่อยครั้งเวลายายมีอาการป่วยมาก ตาต้องพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคาน
โดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลเคลื่อนที่
พายายไปที่โรงพาบาลทันทีที่ไปถึงจะเป็นอันรู้กันกับเจ้าหน้าที่ว่าเตียงประดิษฐ์ของตาคันนี้
สามารถใช้แทนเตียงของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี และเมื่อพยาบาลเห็นคนไข้รายนี้ทีไรก็อุ่นใจได้ว่า
ไม่ต้องมาดูแลยายทองอะไรมากนัก
เพราะตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามายุ่งเลย
เพราะตาลอบคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลไม่ดีเท่ากับตัวเองซึ่งนั่นเป็นเพราะตาลอบทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไ
ปด้วยความรัก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักเมื่อ
50 กว่าปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่แค่ลมปาก หรือถ้อยคำหวานหู ตามแรงปรารถนา
หากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจที่มีที่ว่างให้เพียงแค่หญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียว
คำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้ จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหินผา
ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่มีวันลบเลือน และยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ
ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวันที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์

______________
โปรดติดตามตอนต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น