Facebook

"This is a playground world"

กว่าจะมาเป็น Playground ตอนที่ 8

24/11/2549

20.52 น.


"ส่วนที่ขาดและส่วนที่เกิน"

เข้ามาเวบบอร์ดไม่ได้หลายวัน
พลาดการบันทึกไปก็หลายเรื่องราว
ปัญหาในชีวิต หลายๆเรื่องกำลังสุมเข้ามาไม่ขาดสาย
ขณะที่นิ้วสัมผัสกับแป้นพิมพ์ ในใจก็คิดสารพัดเรื่อง
วันศุกร์สุดท้ายของเดือน พฤศจิกายน กำลังจะผ่านพ้นไป

วันเวลาแห่งการเปิดเทอมและวันเวลาของการรับน้อง ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต
พี่เก้งและพี่ติ๊กกำลังสนุกสนานเบิกบานกับกิจกรรมรับน้อง
แต่ก็เป็นบทเรียนอย่างดี เพราะปีนี้เองที่ได้สอนบทเรียนที่สำคัญให้พวกเค้า
หลังจากกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ จบลง
ก็จะมีพิธี รับขวัญน้อง
(คณะของผม มีกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งปี จนบางครั้ง ผู้ปกครองที่บ้านก็บ่นให้ได้ยินว่า
กิจกรรมอะไรเป็นเดือนเป็นปีขนาดนี้ หรือ พูดเป็นแกมประชดว่า มหาลัยที่นี่ดีเนอะเรียนกันจนตี 2)

ซึ่งก็จะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าใครอยากแสดงอะไรก็เอาเลย
ซึ่งพี่เก้ง ไม่แน่ใจว่าพี่ติ๊กด้วยมั้ย เล่นดนตรีในวันนั้น
แต่ภาพออกมาไม่ดีเลยการเล่นที่ล่มซะจนไม่น่าเรียกว่าคอนเสิร์ต
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเค้าขบคิดกันต่อว่า
จะต้องแก้ไขกันอย่างไรดีจนพี่ติ๊กได้ชักชวนพี่ตุ้ยซึ่งเป็นรูมเมท
มาร่วมเล่นดนตรีในวงด้วยแต่ก็ยังเหมือนมีอะไรที่มันขาดอยู่
ปีนั้นหลังจากกิจกรรมต่างๆหมดลงพวกเค้าก็เริ่มกลับเข้ามาสู่
เส้นทางสายดนตรีกันอย่างจริงจัง
จากที่เคยนั่งคุยกันที่ห้องสโมสรนิสิต
ก็มานั่งกันที่หน้าชมรมดนตรี
กิจกรรมต่างๆหรือวีรกรรมต่างๆก็เริ่มต้นสร้างเรื่องราว
ของพวกเค้าที่ซุ้มข่อยหน้าห้องชมรมนั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะซ้อมกันกี่ครั้งหรือเล่นกันกี่ที มันก็ยังไม่ลงตัวซักที
แต่พวกเค้าก็พยายามที่จะเล่นให้มากขึ้น
เหมือนกับว่าเฝ้ามองหาโอกาสที่จะได้เล่นดนตรี
และสร้างวงให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม 


29/11/2549

22.29 น.

นอกเรื่อง นอกราว "กาลครั้งหนึ่งแบบหนูๆ"

ที่บ้านของอ้วนจัง มีครอบครัว แฮมสเตอร์อยู่ ครอบครัวนึง
เมื่อนานมาแล้ว ก็มี พ่อหนู แม่หนู แล้วก็ลูกหนูน้อย
ซึ่งเหลือรอดมา ตัวเดียว พี่น้องตัวอื่นๆ ตายหมดแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นาน แม่หนูที่รักก็จากไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
เหลือแต่พ่อหนู กับลูกหนูน้อย ตัว
สำหรับลูกหนูน้อย ตั้งแต่เกิดขึ้นมาก็อยู่แต่ในกล่อง
บ้านของครอบครัวหนูจะเป็นกล่องพลาสติกแล้วก็ใส่ขี้เลื่อยเข้าไป
มีน้ำมีอาหารวางตามจุดต่างๆ
ซึ่งเคยคิดอยู่หลายครั้งเหมือนกันว่า ถ้ามีเวลา จะพาเจ้าลูกหนูน้อย
ออกมาเจอโลกกว้างภายนอกบ้าง
เผื่อโลกทัศน์แบบหนูๆที่อยู่แต่ในบ้านกล่องจะเปิดกว้าง
และมีความสุขมากขึ้น
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มีโอกาสซักที
และเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าลูกหนูน้อยก็จากโลกนี้ไป
ทำให้อ้วนจังหวนนึกถึงความคิด ที่คิดจะพามันออกไปนอกกล่อง
แต่เพราะว่าไม่ยอมลงมือทำซักทีก็เลยหมดโอกาส

ตอนนี้คงเหลือแต่พ่อหนูซึ่งก็อายุมากแล้ว
คาดว่ากำลังจะตายเช่นกัน(อายุขัยของหนูพวกนี้สั้นนัก)
แล้วก็เฝ้าแต่คิดไปว่า ตอนที่เจ้าลูกหนูน้อยอยู่ในกล่อง
มันจะมีความสุขมั้ย ถ้าเราปล่อยมันไปมีชีวิตข้างนอก
มันอาจมีความสุขมากกว่า รึป่าว

เวลามีคุณค่า
เวลาพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง
เวลานำมาซึ่งความสุข และ ทิ้ง ความเศร้าไว้

ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า คำว่า พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว
มันจะน่ากลัวและแสนเศร้าได้ขนาดนี้

________________
โปรดติดตามตอนต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น