4/4/2550
17.26 น.
" อรุณสวัสดิ์พัทยา "
มีเวลากลับมาเขียนบันทึกอันแสนจะฝืดได้อีกครั้ง
หลังจากทำตัวดำๆหน้ามึนๆ เดินวนไปวนมาในบริษัท
กับอาการปวดฟันที่อยู่ๆก็ปวดขึ้นมา ลามจากกรามล่างขึ้นไปโพรงจมูก
ผ่านตาซ้ายแล้วย้ายไปขมับขวา
ระคายไปถึงหยักสมองร่องที่ 32/456
ก็เลยทำให้คิดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูกเป็นบางครั้งบางครา
วันนี้เริ่มชินกับอาการปวดต่างๆนาๆ ที่ได้บ่นเอาไว้บรรทัดบนๆ
แต่ระบบกำจัดความขี้เกียจยังไม่ทำงาน เอาเป็นว่ามาบ่นแถวนี่ก่อน
มาว่ากันด้วย การผจญภัยในพัทยากันต่อคับ
หลังจากไม่มีที่นอนผมก็ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่เก้ง
พาไปยังห้องของพี่ตุ้ยกับพี่ชาติแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อและกินข้าวเช้า
จริงๆแล้วไม่แน่ใจคับว่ามื้อไหนเพราะมันรวมกันไปหมด
ว่าแล้วโปรแกรมหฤโหดก็เริ่มขึ้นหลังจากพี่ๆทั้งหลาย
นัดแนะพบปะและวางตารางไปตะลุยดินแดนริมฝั่งอ่าวไทย
เริ่มต้นด้วยการไปยัง ศูนย์การค้าชื่อดังของเมืองพัทยา
ไม่แน่ใจว่าชื่อจริงๆคืออะไร เห็นเรียกันติดปากคับ ว่า Royal
จะอะไรก็ช่างคับ ไปไหนไปกันอยู่แล้ว
(ถ้าเค้าพาไปขายที่เขมรก็คงไปกะเค้าด้วยเหมือนกัน)
นั่งรถกันมาได้ซักพักก็มีคนทักขึ้นมาว่า "นี่พวกเรารู้มั้ยเราลืมอะไร"
พวกเราก็นั่งมองหน้ากันเลิกลัก ไม่ลืมนี่หว่า กระเป๋าก็เอามาแล้ว
ข้าวก็กินแล้ว ฟันก็แปลงแล้ว ผมก็หวีแล้ว แล้วจะลืมอะไรล่ะ
พี่เก้งเลยบอกว่า เราลืมตุลไว้โรงแรมว่ะ (-_-") ตรึกโป๊ะ
ง่ะ น่าสงสารพี่ตุลเป็นอย่างยิ่ง ทำไมเพื่อนๆไม่ค่อยรักขนาดลืมได้
ว่าแล้วก็เลยหยิบโทรศัพท์ โทรบอกพี่ตุลนั่งรถสองแถวโลโซตามมา
และแล้วเราก็มาถึงที่หมาย โดยที่เราจะเริ่มต้นกันที่บ้านผีสิง
ซึ่งมีพี่ๆหลายคนการันตีถึงความน่ากลัว จากการได้สัมผัสมาแล้ว
(บ้านผีที่ว่านี่เป็นบ้านในสวนสนุกอ่ะนะคับไม่ใช่บ้านผีจริงแต่อย่างใด)
เราก็เลยพาไปด้วยความที่เป็นเด็กถิ่น ก็เดินนำไปเรื่อยๆจนถึงที่
แล้วก็ต้องต๊กใจที่เจอพวกน้องๆก็มาที่บ้านผีกันด้วยเหมือนกัน
ก็เสวนากันไป ระหว่างคุยกันไปแล้วก็รอตัดสินใจกันพี่เก้งก็เข้ามา
กดดันใหญ่เลยว่าโคตรน่ากลัวเลย เอ๊าน่ากลัวก็น่ากลัว ซื้อบัตรด่วน
แล้วเราก็เข้าไปรอในคอก เหมือนกับเด็กวัยรุ่นทำผิดถูกจับเข้าคุก
ยังไงไม่ทราบได้เหมือนกัน ต้องเดินเรียงๆกันเข้าไปรอกันอยู่ในกรง
เพื่อนๆข้างนอกโบกมือลาขอให้โชคดียังกะจะติดคุกซัก 20 ปี
ไม่นาน ก็มีพี่ชายแต่งตัวเป็นผีคาวบอย ถือพลั่ว ตีกรงโผล่มา
แล้วก็เชิญเราเข้าไปในกรงทรงกลม เพื่อจะพาเราเข้าไปในบ้านผีสิง
ตอนแรกผมอยู่หน้าสุดแต่ด้วยอะไรไม่ทราบก็โดนถีบมาเป็นกองระวังหลัง
แล้วคณะของเราก็เริ่มออกเดินไปตามทางทีมืดบ้างสว่างบ้างของบ้าน
จุดไคลแมกซ์มีอยู่ 2- 3 จุด จุดแรกที่ชอบคือห้องจุดคับ
เข้าไปไม่เจออะไรเลยแล้วจู่ๆเค้าก็โผล่ แบร่ ออกมา
โอ้ว ตกจายโหมะเยย มาได้ไงเนี่ย สงสัยพ่อเป็นนินจา
หลังจากหายโตะใจแล้วก็มาถึงสะพานที่มันหมุน
เวลาเดินผ่านแล้วเราจะเซ แซดๆ ไปอีกฝั่ง เออ..แปลกดีแฮะ
ทั้งที่มันไม่ได้เอียงซะหน่อย ชอบๆ
และจุดสุดท้ายคือช่วงที่จะโผล่หน้าออกมาให้ประชาชีรู้ว่า
แต๋วในคราบแมนๆไม่ได้มีแต่ในหนัง ก็คือช่วงที่เป็น
ระเบียงเปิดแล้วก็มีพี่ผีถือเลื่อยวิ่งตามเรา
และแล้วเราก็เข้าใจว่าทำไมมีแต่คนเกี่ยงให้เราอยู่หลัง
ก็เพราะว่าจะได้ใกล้ชิดกับพี่เลื่อยมากที่สุดนั่นเอง
แหมทีหลังไม่ต้องก็ด้ายย T-T
ก่อนออกมาเราก็ตีหน้าแมนเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ทำไมเหงื่อท่วมเลย
ก็เป็นอันว่าจบไป 1 โปรแกรม ตอนนี้อาการง่วงก็หายไปแล้ว
ช่างจัดโปรแกรมได้ดีจริงๆ เอาตื่นเต้นไว้ก่อนเลยเพราะงี้นี่เอง
ต่อมาเราก็ไปที่สนามโกคาร์ท แต่ไม่ได้ไม่ขับรถคาร์ทคับ
เป้าหมายของเราคือเพ้นบอลนั่นเอง
เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดป้องกันเรียบร้อยก็มานั่งฟังกติกาจากกรรมการ
แล้วก็ทำการซ้อมยิงกัน ก็มีทั้งคนยิงแม่น ยิงไม่แม่นปนๆกัน
เราก็เริ่มรอบแรกกันเลยโดยกฏชิงธง ก็คือ ถ้าถูกอีกฝ่ายชิงธงของเราไป
หรือถูกยิงครบก่อนก็จะแพ้ไป
เริ่มรอบแรก แป๊ะ... โดนก่อนเลยคับ อะไรเนี่ย ยังไม่ได้เล่นเลยอ่ะ
แล้วผมก็เดินออกมา ตามมาด้วย อีกหลายๆท่าน
จากการสังเกตุไอ่พวกนี้นี่ตอนซ้อมยิงแม่นๆทั้งนั้นเลยนี่นา
แล้วไหงออกมากันก่อนทั้งนั้นเลยเนี่ย เฮ้อ กลุ้ม
เราเล่นกันทั้งหมดก็ 5 รอบผลัดกันแพ้ผลักกันชนะไปเรื่อยๆ
จนจบก็มานั่งพักด้วยความ เหนื่อยมากคับไม่น่าเชื่อแค่วิ่งไล่ยิงกัน
ทำไมมันปวดเมื่อยไปหมดขนาดนี้
และแล้วช๊อตเด็ดของวันนี้ก็เริ่มต้นขึ้นคับ พี่ติ๊กของเราอยากโดดบันจี้จั๊ม
อิอิ โอ้สุดยอดพี่ติ๊ก แรกๆก็ยิ้มร่าดีอยู่คับพอเริ่มสูงสีหน้าพี่ก็เริ่มเปลี่ยน
แต่ The show must die เอ๊ย must go on ก็เลยโดดผึงลงมา
แหมขนาดอยู่ข้างล่างยังตื่นเต้นตามไปด้วยคับ
หลังจากเลิกเราก็ต้องแยกกันเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงจะไปดูคอนเสิร์ตต่อ
อีกกลุ่มกลับกรุงเทพ
และแล้ววันพักผ่อนแสนสนุกก็จบลงด้วยประการ ฉะนี้
แล้วผมผลอยหลับไปในรถ ตอนไหนไม่ทราบได้
5/4/2550
19.22 น.
"Night (nice) to meet you!!"
ชื่อเรื่องวันนี้เล่นคำพ้องเสียงคำว่า night = กลางคืน กับ nice = ดี
เป็นการตั้งชื่อที่ดูเท่เอามากๆ คลาสสิคอีกตะหาก
แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดว่า สมองบวมๆของผมจะคิดอะไรได้ขนาดนี้
จริงๆแล้วเป็นชื่อ Blog ของชายร่าเริงคนนึง ที่มองโลกแง่ดีมากๆ
แม้บางมุขของเค้าจะเข้าใจยากไปซะหน่อย แต่ก็มีอะไรดีๆซ่อนอยู่
ก็เลยต้องยกประโยชน์ให้ชายหนุ่มผู้ที่คิดอะไรดีๆแบบนี้
หลายคนเคยถามว่าแปลกดีทำไมเวลาผมเขียนบันทึก
จะต้องมีบทเกริ่นแบบนี้ก่อนจะเข้าเรื่อง
ก็มาขอแถลงไขกันให้หายข้องใจ
(จริงๆมีหลายคำถามมากคับแต่คำถามนี้ตอบง่ายและดูดี 555)
เรื่องมันมีอยู่ว่า คือโดยปกติเป็นคนที่ ไม่เคยจะจำอะไรได้เล๊ย
มักจะโดนโกรธอยู่บ่อยๆว่าเคยพูดไว้แบบนี้แล้วก็จำไม่ได้
พูดอะไรไว้แล้วก็จะงงว่าเหรอเคยพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ
พักหลังนี้ก็เลยไม่ค่อยจะสัญญาอะไรกับใครเท่าไรเพราะลืมแน่ๆ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการอารัมภบทยืดยาวนี้น่ะเหรอ
ก็เพราะว่า ส่วนบทนำนี้เป็นส่วนที่เป็นปัจจุบันยังไงล่ะคับ
คือมันใช้พลังงานในการดึงกลับมาง่ายกว่านึกย้อนหลังไปไกลๆ
ยกตัวอย่างเลยคับอย่างบางทีเรื่องที่จะเขียนน่ะมีแค่บรรทัดเดียวเอง
เช่นจะเขียนว่า อยากกิน ส้มตำปูม้าจัง เท่านี้ล่ะ
แต่ครั้นจะจบแค่นั้นก็กระไรอยู่ เสียจริต ก็เลยต้องหาน้ำๆมาเติมบ้าง
เพราะงั้นก็เลยเอาชีวิตปัจจุบันอันแสนจะโสภามาเล่าสู่กันฟังคับ
สำหรับวันนี้น้ำท่วมทุ่งดีแล้วเราก็มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
เห็นหัวข้อนี้แล้วแน่นอนคับว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องราวกลางคืนอีกแล้ว
สมัยเรียนทุกคนก็จะต้องมีเพื่อนใช่มั้ย สรุปว่ามีไว้เถอะนะ
แต่สมัยมหาลัยก็จะมีแบ่งเป็นเพื่อนในเอก เพื่อนในคณะ
รูมเมท เพื่อนต่างคณะ เพื่อนของแฟน แฟนของเพื่อน เพื่อนของเพื่อน
(ไม่ว่าจะหญิงหรือชายจะหน้าตาดี แต่ไหงเพื่อนเของเรา...ไม่พูดดีกว่า)
อะไรก็ตามแต่ ที่สำคัญมันน่าจะเป็นเรื่องยากของคนอัธยาศัยดี
เพื่อนเยอะก็คือการจะต้องแบ่งเวลาให้เพื่อนทุกคนให้เหมาะสม
(เห็นแบบนี้แล้วเอาเวลาที่ไหนมาเรียนเนี่ย)
อ๊ะๆ แต่ขอเตือนว่าแฟนของเพื่อนไม่ต้องไปให้เวลาเค้ามากคับ
เด๋วมันจะกลายมาเป็นแฟนของเราและศัตรูคนใหม่ เหอๆ
เอาล่ะทีนี้เรามาไล่ความสำคัญในแต่ละช่วงเวลากัน
ก่อนตื่น
เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของเรากับรูมเมทจะนอนนัวเนียกันอีท่าไหน
ก็ทำไปเถอะคับเรื่องสำคัญก็คือ ช่วยปลุกไปเรียนให้ทันด้วยก็พอ
แนะนำว่ารูมเมทที่ทำหน้าที่ดีเกินไปให้รีบย้ายห้องโดยด่วน
ประมาณว่าเรียนบ่าย แต่หวังดีไง ปลุกซะตี 4
จะปลุกมาบิณฑบาตรหรือไงไม่ทราบค้าบ อะไรแบบนี้เป็นต้น
ปลุกแบบว่าอีก 15 นาที ได้เวลาสอบอะไรแบบเนี่ยะยังโกรธน้อยกว่า
(อีก 15 นาทีสอบ แต่เดินทางจากห้องนอนไปห้องสอบ 2 ชั่วโมงก็เลิกคบไปเลยคับ)
หลังจากตื่นนอน
เพื่อนที่เราจะต้องใช้เวลาอยู่ด้วยจะมีหลากหลายคับ
ตั้งแต่เพื่อนกิน(ข้าวเช้า,เที่ยง) มื้อเย็นไม่ต้องดีกว่าคับถ้าตื่นมาแล้วกินข้าวเย็นเลย
ผมเดาว่าคงจะไม่มีใครคบแล้วล่ะคับ
ไปจนเพื่อนร่วมทางบนรถเมย์หรือรถประจำทาง หรือ รถเพื่อนคนนั้น
อย่างหลังนี่น่าจะดี ประหยัดคุ้ม 555
หลังจากนั้นเมื่อมาถึงห้องเรียนก็หนีไม่พ้นเพื่อนๆในเอก เพื่อนในคณะ
หรือเพื่อนเรียน (โอ้เป็นเพื่อนที่ดูดีมากเลยคับ)
แล้วเราจะเบื่อขี้หน้ามันมากคับเพราะบางทีตลอดทั้งวัน 8 ชั่วโมง
ต้องนั่งข้างมันตลอด(เรียนก็เครียดอยู่แล้ว) ครั้งนึงเคยเลือกวิชานอกคณะ
อยากไปเรียนกับสาวๆคณะมนุษย์ด้วยอาการเบื่อเพื่อนในเอก
แต่สงสัยเป็นเวรกรรมกันแต่ปางก่อนมันก็ดั๊น ตามมาเรียนด้วย
แหมทั้งๆที่สาวน้อยคณะมนูษย์อยู่แค่เอื้อมแท้ๆ แต่ก็ต้องนั่งกับมันอีก
โดยอาจารย์ให้เหตุผลว่ามาจากคณะเดียวกันก็ช่วยๆกันนะจ๊ะ T--T
อ่านมาถึงตรงนี้ผมขอบอกก่อนนะคับผมก็มีเพื่อนเหมือนกันนะ
เพราะหลายๆคนคงกำลังคิดอยู่ว่า ไอ่หมอนี่มีคนคบด้วยเหรอ
__________________
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น