25/5/2550
17.30 น.
"เจียรไน"
ยามเย็นหมุนเวียนผ่านเข้ามาแทนที่แสงแดดร้อนๆของเวลาบ่าย
และอีกไม่นานดวงตะวันก็จะลาลับไปเหลือไว้แค่ความมืด
ที่ถูกมนุษย์แต่งแต้มไปด้วยแสงของไฟฟ้า
เสียงของโทรศัพท์และเสียงเพลงจากลำโพงยังคงดังแข่งกันอย่างไม่หยุดยั้ง
กระทั่งเจ้าของโทรศัพท์ต้องเบาเสียงวิทยุและหยุดเสียงโทรศัพท์
บทจะดังก็ดังแข่งกันบทจะเบาก็เบาพร้อมกัน
ณ การเลื่อนไหลของช่วงเวลาไปเป็นเย็นย่ำและพลบค่ำ
วณิพกน้อย ก็เริ่มที่จะจุดตะเกียงเป็นสัญญาณให้เด็กๆ
ได้มาล้อมวงรอฟังนิทานแห่งรัตติกาลนี้อีกครั้งหนึ่ง
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เพลย์กราวด์ของเรา
ได้ส่งเทปเดโมเข้าประกวดจนได้รับคัดเลือกให้เข้ารอบคัดเลือก
และได้นำเอาบทเพลง 2 บทมาขับกล่อมให้ผู้ชมและกรรมการได้สดับรับฟัง
ซึ่งผลการเล่นก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใดเพราะพวกเค้าได้รับคัดเลือกให้
เข้ารอบ 10 วงสุดท้ายซึ่งทั้ง 10 วงนี้ไม่ต้องเล่นแข่งกันอีกแล้ว
แต่จะได้โชว์ ณ ลานหน้า บิ๊กซี ให้ได้ชมกันทั่วหน้า
จำได้ว่าเค้าจะให้วงดนตรีที่เข้ารอบไปถ่ายสติ๊กเกอร์ฟรี
ซึ่งรูปของวงเพลย์กราวด์ออกมาน่ารักมาก
จำได้ว่ามีรูปตอนทุกคนนั่งสมาธิด้วยล่ะ
แถมยังมีบัตรรับประทานอาหารที่โรงเบียร์
โห เป็นศิลปินมันดีแบบนี้นี่เอง
นอกจากนี้พี่ๆของเราก็ไม่ปล่อยให้เวลามันผ่านไปอย่างไร้ค่า
มีการขนเอาซีดีเพลงที่น่าจะเรียกว่าซิงเกิ้ลแรกมาจำหน่ายในงานนี้ด้วย
ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า (ไม่ใช่เหลือจนอาไปทิ้งท่าน้ำนะครับ 555)
บรรยากาศภายในงานก็เหมือนมินิคอนเสิร์ตทั่วๆไป
ที่รวมเอาศิลปินมากมาย ที่สำคัญมีพี่ๆวงหมีพูห์เจ้าของบทเพลง
ถ้าหากรักนี้ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว...มาร่วมเล่นด้วย
วันนั้นพี่ปราโมทย์ไม่ได้มาร้องเอง ก็เลยยังสงสัยว่าอืม...ตกลงใครร้องกันแน่นะ
ล่วงเลยเวลาที่ทุกวงและทุกคนได้ขึ้นแสดงบนเวที
งานเลิกแล้วทุกคนก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน
ก้าวสำคัญก้าวใหญ่ที่ผลักดันให้หนุ่มน้อยธรรมดา 5 คน
มีทางแยกแห่งการเลือกที่น่าตื่นเต้น น่าดีใจจนสังเกตได้จากสีหน้าของทุกคน
นับเป็นโอกาสและจังหวะที่น่าติดตาม
แต่ก็แทบคาดเดาไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
26/5/2550
12.47 น.
นอกเรื่องนอกราว ตอน
"ถุงพลาสติกที่ปลิวไปในอากาศ"
ลมแรงๆพัดหอบเอาฝุ่นผงและเศษขยะให้ปลิวฟุ้งขึ้นไปอยู่ในอากาศ
ท้องฟ้าวันนี้สดใสดีมีก้อนเมฆสีขาวหลากหลายก้อนล่องลอยบนฟ้า
แต่แล้วก็ให้สังเกตุเห็นถุงพลาสติกใบน้อยสีขาวใบหนึ่งลอยไปตามลม
คิดแล้วก็ให้ฉงนอยู่ในห้วงคำนึง ว่ามันจะถูกพัดให้ไปที่ไหน
ว่าแล้วก็ให้หยุดมือจากงานที่ทำปล่อยใจล่องลอยไปกับก้อนเมฆ
แล้วก็มีคำถามดังก้องขึ้นมาในจิตสำนึก
เรามัวทำอะไรอยู่นะ ไม่ได้เห็นท้องฟ้าแบบนี้มานานแล้ว
มวลอากาศอบอ้าวก่อตัวขึ้น ทำให้อากาศเย็นเข้าไปแทนที่
เกิดเป็นลมซึ่งมีพลังงานพอที่จะพัดหอบเอาสิ่งเล็กๆน้อยๆให้ปลิวไปได้
สไปรท์กระป๋องถูกเปิดออก เปลือกถั่วลิสงอบ ตราเจดีคู่ย์หล่นเกลื่อนพื้น
หนุ่มน้อยคนนึงนั่งทอดอารมณ์อยู่ริมชายหาดที่แสนจะสงบเงียบ
ในเวลากลางวันของวันที่แสนจะธรรมดา
ในใจก็คงคิดถึงวิชาที่จะต้องเข้าเรียนต่อไป
แล้วก็เวลาเย็นที่จะได้เจอเพื่อนๆ หลายๆคน
ยิ่งแดดส่องแสงกระทบกับผืนน้ำมากขึ้นเท่าไรแรงลมก็ยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น
จนกระทั่งน้ำอัดลมใสๆที่ใส่ในกระป๋องสีเขียวหมดลง
นั่นก็คงได้เวลาแล้วที่จะต้องลุกออกจากภวังค์แห่งการพักผ่อน
ลมแผ่วๆโชยผ่านใบหน้า พัดเอาเส้นผมที่ค่อนข้างยาวให้พริ้วไหว
พร้อมกับการลอยมาของถุงพลาสติกใบน้อยหนึ่งใบลอยผ่านหน้าไป
มันดูเป็นของที่ธรรมดา ไม่ได้น่าจดจำ ไม่ได้สวยงามแม้แต่นิดเเดียว
แต่กลับทิ้งคำถามให้เด็กหนุ่มขบคิด ว่าเพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกอิจฉาเจ้าถุงใบนั้น
เสียเหลือเกิน
ถ้าได้ลอยไปตามลม ไม่ต้องสนใจใคร ไม่ต้องมีใครมาสนใจ มันจะดีรึปล่าว
อากาศอบอ้าวที่มีลมพัดแบบนี้
คงจะมีใครๆอีกหลายคนมองเห็นถุงพลาสติกใบน้อย
แล้วก็กำลังฝันกลางวันอยู่แน่ๆ
_____________________
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น