1/6/2550
9.46 น.
"วันของเด็กดื้อ"
ได้ตื่นมาชมบรรยากาศยามเช้าตรู่ของมหานครกรุงเทพ ฟ้าอมร
ณ ชั้นที่ 9 คอนโดของเหล่าเพื่อนๆ มองไปจนสุดสายตา
ท้องฟ้ามีเมฆสีหม่นปกคลุม แสงกระจ่างจากดวงอาทิตย์ก็เริ่มทอรำไรที่ปลายฟ้า
เพียงแต่ไม่สามารถชื่นชมภาพเมืองหลวงสวยๆแบบนี้ได้นานเท่าไรนัก
เพราะจะต้องรีบถีบตัวเองไปเป็นเด็กดีของทุกคนอีกครั้ง
เช้าวันพฤหัส ที่ 31 ของเดือนพฤษภาคม
แหกขี้ตาตื่นแต่เช้าตรู่ จากที่นอนอันแสนจะนุ่มสบาย
อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมาขึ้นรถ สังเกตเห็นคนมาใส่บาตรมากกว่าปกติ
เพราะวันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เดินดูวิถีชีวิตยามเช้าของเมืองเล็กๆ แห่งนี้
จนกระทั่งมาถึงท่ารถและนั่งหลับมาเรื่อยๆจนถึงกรุงเทพฯ อากาศยามเช้าของวันนี้
สดใส สดชื่นมากเป็นพิเศษ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่อากาศหรือเป็นที่ตัวเราเอง
พอไม่ต้องทำงานไม่ต้องมัวห่วงโน่นห่วงนี่ ก็เลยสบายใจเป็นพิเศษอะไรๆมันก็เลยสดใส
นั่งรถชมความสวยงามของสะพานพระราม 8 และพระราชวังมาจนกระทั่งถึงที่หมาย
แต่ดันมาเร็วกว่าเวลานัด 1 ชั่วโมง พลาดซะได้ลืมนึก
ว่าปกติรถจะติด
พอวันนี้ไม่ติดเลยมาเร็วกว่าปกติ ก็เลยเข้าไปหาอะไรในเซเว่นรองท้อง
ไม่รู้เรียกว่ารองท้องหรือมหกรรมโต๊ะจีนกันแน่ ช่างมันเถอะ ฮา...
เสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรทำเลยขึ้นไปยืนรอที่สถานีรถไฟฟ้า ยืนดูคนเดินผ่านไปผ่านมา
ก็เพลินดี ถ้าลองสังเกตพฤติกรรมของคนแต่ละคนแล้วจะรู้สึกสนุก
บางคนหน้าตาท่าทางเร่งรีบมากแต่กลับเดินเยื้องกรายอย่างกับพญาหงส์
แล้วจะไปทันมั้ยล่ะคับเจ๊ บางคนหน้าตามาดมั่นมากๆ แต่มาเดินสะดุดรักตรงหน้าผมซะงั้น
บางคนก็ร่าเริง วิ้งๆ มาตลอด บางคนก็ลุกลี้ลุกลนเหมือนกับจะมาวางระเบิดเลยก็มี
มันก็เลยช่วยทำให้การยืน 1 ชั่วโมง
ได้เห็นอะไรสนุกๆเยอะมาก
แอบส่งตาหวานไปให้สาวๆก็หลายคนเหมือนกัน เจ้าชู้จัง
ไม่นานนัก (1 ชั่วโมงคงเรียกว่าไม่นานได้นะคับ
เริ่มสับสนในตัวเองเล็กน้อย)
น้องๆก็ทยอยมากันจนครบแล้วเราก็ได้เวลาเดินทางไป "โลกแห่งความฝัน"
และแล้วทริปตะลอนทัวร์ก็เริ่มเปิดฉากกิจกรรมแรกที่เมืองในฝัน
สนุกมั้ยคงเป็นคำตอบที่ตอบยากมากครับเพราะดูสีหน้าแต่ละท่านแต่ละนาง
หมดสภาพกันเลยทีเดียว รู้อย่างเดียวขณะนั้นว่า "เปียก"
เราก็ใช้เวลากว่าค่อนวันในสวนแห่งนี้ จากนั้นเราก็ไปกันที่ ม.เกษตร
เพราะว่าวันนี้เพย์กราวด์มาเล่นนั่นเอง ไม่รู้ว่าเล่นเนื่องในโอกาสอะไรเหมือนกัน
ก็เข้าไปฟังพีจีเล่นได้มันส์สุดๆเหมือนเดิม ที่น่าตื่นเต้นก็คือน้องๆที่นี่
ร้องเพลงของพีจีได้กันเกือบทุกคนเลย โห ได้บรรยากาศมากๆ
คนแด๊นก็แด๊นกันไม่คิดชีวิต คนร้องก็ร้องกันแบบให้ตายกันไปข้างนึง
ต้องบอกว่าสุดๆจริงๆ ปกติเต้นอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว
นี่เต้นไปร้องไปไม่เป็นลมก็ดีแล้วนะพี่ติ๊ก(ฮา แซวคนแก่)
พอเพลย์กราวด์เล่นจบแล้วพวกเราก็มานั่งคุยกันอยู่ที่ด้านนอกเรื่อยเปื่อยกันไปซักพัก
(ช่วงนี้ซักพัก นี่ กินเวลาเป็นชั่วโมงๆทั้งนั้นเลยแฮะเรา)
แล้วก็ต้องไปทริปตะลอนทัวร์อย่างที่ตั้งใจไว้ต่อนั่นก็คือการไปเวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา
แยกย้ายกับน้องๆ ล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งรถไปกันต่อที่วัดเทพลีลา
(โห ฟังดูเหมือนจะไปผับกันต่อ เปลี่ยนจาก ผับเป็นวัดนี่ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย)
เผลอถามพี่ตุลไปอย่างลืมตัวว่า "แล้วไม่ไปเวียนเทียนมั่งเหรอ"
พี่ตุลคงคิดในใจไอ่นี่ท่าจะเมา กรูเป็นอิสลามเฟ้ย ถามมาได้ (แหะๆ
มันลืมนิ)
ถึงวัดก็ไปเดินวนๆรอบโบสถ์ 3 รอบ จริงๆมีคนฝากมาวนรวมแล้ว
18 รอบ
แล้วทำไมต้องเป็นฉันคนเดียวล่ะเนี่ย เฮ้อ กลุ้ม ว่าแล้วก็ขอติดไว้ก่อนละกัน
3 รอบก็เกรียมแล้วครับ รมทั้งควันอบทั้งเทียน แถมแอบซาดิส มีการหยดน้ำตาเทียนกันด้วย
ก็ไม่รู้จะได้บุญอะไรกับเค้ามั้ยคับเพราะรู้สึกเข้าวัดครั้งนี้มันร้อนๆพิกล
(เอ๊ะรึเราจะเป็นผี)
จบจากงานนี้ก็กลับที่พักโดยด่วนไม่ไหวแล้ว ก็มานั่งพักผ่อนคุยกันเรื่อยเปื่อย
โดยมีการผลัดเวรกันไปโทรจีบสาว แล้วก็วนมาถึงผม
อ่าว โทรจีบใครดีล่ะเนี่ย (ประมาณว่ามีเยอะหรือไม่มีไปคิดเอาเอง เหอๆ)
อ่ะ ก็ยังมีคนให้โทรจีบอยู่บ้างเหมือนกันล่ะวะ
โทรจีบได้นิดเดียวก็โดนไล่ไปอาบน้ำซะงั้น(นิดเดียวนี่นานแค่ไหนไปกะเอาเองนะ
555)
อาบน้ำแล้วก็นั่งฟังเพลงไปนิดหน่อย (เพลงเดียวไม่ต่ำกว่า 5 รอบ นิดหน่อย บ้านแกสิ)
แล้วก็ได้เวลาเข้านอน เป็นอันว่าตะลอนทัวร์ของวันนี้ก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล
ปล.สงสัยต้องไปจูนสมองเรื่องเวลาซะหน่อยแล้ว วันก่อนก็มีนัดกับพี่ชาย
บอกว่าโอเคเย็นๆเจอกัน
พี่ชายเลยถามว่า เย็นๆ นี่กี่โมงดี
ก็ตอบไปตามความรู้สึกตัวเองว่า ซัก 3 ทุ่มแล้วกัน
พี่ชายอึ้งไปนิดนึงก่อนจะบอกว่า 3 ทุ่มมันไม่เย็นแล้วนะ
555
5/6/2550
12.35 น.
"เค้าว่าไว้ คนโง่มักไม่เป็นหวัด"
เกิดอาการแปลกๆกับร่างกายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
มีอาการมึนๆ ไอ จาม แล้วก็มีน้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมด
นั่งทำงานด้วยหน้าตาเป็นขีดๆตาปรือๆเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น
แถมด้วยมีลูกไฟวิญญาณวนเวียนรอบตัวไปหมด
เวลาลุกไปไหนทีก็ทำตัวเหมือนซอมบี้
เหอๆ ผี(บ้า)มาหลอกแล้วจ้า กุ๊ก กุ๊ก กรู๋
คืนวันเสาร์ที่ 2 ไปดูไพเรท 3 กับน้องๆ
มีน้องเจ น้องต้อง น้องไกร น้องแลม 1 2 3 4
โอเครวมผมด้วยเป็น 5 คน เหอะๆคงไม่ตกเลขแล้วล่ะ
วันนี้โชคดี มีราชรถ มาส่งก็เลยมาถึงที่หมายเร็วหน่อย
ช่วงนี้เป็นคนเร็วกว่าเวลาที่ตั้งไว้ แต่ก็ยังหวาดๆอยู่ว่าวันหลังนัดกันไว้วันเสาร์
กลัวตัวเองจะมาตั่งแต่วันพุธเป็นแบบนี้เข้าก็แย่เลย
ก็เลยหาอะไรกินกันเรื่อยเปื่อยได้โดยไม่ต้องทำตัวรีบร้อน
หลังจากทานอาหารกันอิ่มดีแล้วก็เลยเดินดูของในห้างซึ่ง
ที่เอสปรานาดนี่ไม่ค่อยจะมีอะไรเลย ขึ้นไปชั้น 4 ไปที่โรงละคร เมืองไทยรัชดาลัย
ที่มีละครเวที ฟ้าจรดทราย ว่าจะชวนเจ้าคุณแม่มาดูเลยเข้าไปถามราคาบัตร
น้องที่เค้าเตอร์บอกว่า บัตรมีเหลือทุกวันเลยค่ะ แต่เหลือเฉพาะราคา 2000
กับ 2500
อ่า 2 คนก็ 5000 แหนะ คิดหนักเหมือนกัน
เอาไว้เราเข้าไปดูคนเดียว
แล้วค่อยเล่าให้แม่ฟังท่าจะดี(เป็นลูกที่ดีจริงๆ)
วนไปวนมาแถมออกไปดูเสื้อกันที่จัสโก้อีกตังหากเวลาว่างล้นเหลือ
แล้วก็ได้เวลาเข้าชมภาพยนตร์ ไพเรท ซะที
จะว่าไปเหมือนมานั่งดูคนบ้าเลยแฮะอีตาแจ๊ค สแปโร นี่นับวันยิ่งรั่วมากขึ้นทุกที
แต่ถ้าขาดพี่แจ๊ค คงเป็นหนังเครียดเรื่องนึงเลยนะเนี่ย
ตอนจบก็ถูกหลอกให้ดู เครดิตรอีกแหนะ แจ๋วจริงๆ
แต่อย่างน้อยก็พึ่งรู้ว่าพี่จอนนี่ เดป นี่มี costume ส่วนตัว มี voice ส่วนตัวอ่านทันเท่านี้ล่ะ
ทีมงานมีกันตั้ง 2 unit หนังเรื่องนึงนี่คนทำกันมหาศาลจริงๆเลย
เสร็จจากดูคนบ้าแล้ว คนบ้าก็ไปหาอะไรทานกันที่ห้องน้องสาว
แต่เกรงใจจัง นั่งเล่นได้ซักพักก็เลยกลับดีกว่า (ดู I am Sam
ค้างไว้ด้วยเสียดาย)
กลับมาถึงห้องเพื่อนๆก็นั่งคุยต่ออีกยาวเลยไม่รู้จักไปหลับไปนอนกันหรือไง
พรุ่งนี้ต้องไปเจเจ ตอนแปดโมงอีกตะหาก ว่าแล้วก็นอนตุนไว้นิดท่าจะดี
และแล้วก็ตื่นกันตั้งแต่แปดโมง เดินทางกันไปที่เจเจโดยพลัน
พี่ติ๊กมาถึงก่อนตั้งแต่เช้าจัดบูทเป็นสนามพัทกอล์ฟขนาดย่อม
น่ารักสดในสไตล์พี่ติ๊ก พอเอาของมาไว้ที่บูทเรียบร้อยพอจะมีเวลาเหลือ
ก็เลยเดินออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันสองคนกับพี่เก้ง
เสร็จจากภาระกิจต่างๆนานา ก็ได้เวลาแปลงร่างเป็นพ่อค้าขายเสื้อกันทันที
ยืนคุยกันได้ไม่นานก็เริ่มจะมีคนเข้ามาเรื่อยๆแรกๆก็ไม่ค่อยเท่าไร
ยังคิดอยู่เลยว่า จะขายได้กี่ตัวกันนะวันนี้
ก็เลยคิดเกมกันขึ้นมากลัวเสื้อขายไม่ออก
"ลงรู รับเสื้อ" 20 เท่านั้นจ้า
เออแหนะ กระแสตอบรับดีเยี่ยมจริงๆคนเล่นกันตรึมเลย
สงสัยเงินกำไรคงได้มาจากเล่นเกมนี่เอง นึกถึงบรรยากาศลานดูดเงินที่ดรีมเวิร์ลจัง
พอเริ่มเที่ยงคนก็เริ่มหนาแน่น แต่ก็ยังขายของไม่ได้มีแต่คนมาขอถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด
มีน้องคนนึงขอผมถ่ายรูปถ่ายเสร็จเรียบร้อยเค้าก็ถามว่าพี่ทำอะไรในวงคับ
ผมเลยบอกไปว่า พี่มาขายเสื้อน่ะ น้องเค้าคงเซ็งเป็ดไปเลยทีเดียว 555
ไม่รู้จักจอมเนียนซะแล้ว เหอะๆ
แต่ยิ่งเป็นคนขายเสื้อยิ่งมีแต่คนมาขอถ่ายรูปแฮะ
อ่ะ อยากถ่ายก็จัดไป ส่วนเสื้อน่ะไม่ค่อยได้ขาย มัวแต่หัวงูอยู่
ขอบคุณ แฟทเรดิโอ ที่มีแฟนๆน่ารักมากมายเลย เหอๆ(ทำเสียงหื่นๆแล้วจะได้อารมณ์)
ขายเสื้อไปได้เพลินๆ น้องๆก็มากันมากมาย ดีใจจังกำลังคิดถึงอยู่พอดี
แต่ก็เป็นช่วงคนเยอะ งานยุ่ง ก็เลยไม่ค่อยได้คุยอะไรกับใครมากมาย
หล่อเลือกไม่ได้ก็งานนี้ล่ะ เฮ้อ อนาจ (ขออภัยด้วยนะจ๊ะถ้าดูแลไม่ทั่วถึง)
ตกบ่ายแก่ๆก็เกิดจะขายดิบขายดีกันซะงั้น เลยต้องปิดปรับปรุงเกมกอล์ฟไปก่อน
จนกระทั่งมีคนมาช่วยเยอะขึ้นเราก็เลยชวนน้องๆไปดูคอนเสิร์ตบ้าง
คนแน่นมากๆ ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะฝ่าฝูงชนเข้าไป
แต่ก็ไม่สาารถหาที่นั่งได้ ไม่รู้จะนั่งเว้นที่ไว้ปลูกข้าวหรือไงเป็นกระหย่อมๆ
(ผมป่าวว่านะคนข้างหลังเค้าว่ามาอีกที)
ช่วงนี้ไม่ค่อยรู้จักใครเลยไม่ได้ฟังแฟทมานานแบบว่าบ้านนอกมันรับแฟทไม่ได้นิ
ก็เลยนั่งฟังเพลินๆ(ยืนฟังอ่ะเมื่อยมาก) พอเริ่มเมื่อยได้ที่ก็เลยตัดสินใจเดินออกมา
นั่งพักกันอยู่ที่บูท ปรากฏว่าเสื้อขายได้หมดเลยอ่ะจะเหลือก็แค่ตัวใหญ่ๆ
แถมได้น้องเสียง 8 หลอดมาช่วยเล่นเกม
พี่ๆเลยสบายไปเลย
ที่บ้านคงผัดโทรโข่งกับนกหวีดให้ทานทุกวัน 555
พอเสื้อแจกไปจนหมด(เน้นว่าแจกไปจนหมด) ก็ได้เวลาไปเดินช้อปมั่ง
แต่แบบว่าเดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้วไม่ค่อยหนุกเท่าไร งึมๆ
เสื้อเท่ๆสวยๆเยอะเหมือนกันแต่ก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม
เป็นคนเท่อยู่แล้ว 55
จากนั้นก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับเพราะแต่ละคนเริ่มหิวจนตาขวาง
จริงๆยังไม่อยากกลับเลยแฮะ แต่ดันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ค่อยจะได้นอนเลย
งั้นก็กลับไปหาอะไรกินแล้วก็พักผ่อนดีกว่า เพราะวันจันทร์เจองานใหญ่รออยู่
และแล้วเช้าวันจันทร์ที่ไม่ค่อยจะสดใสก็เริ่มขึ้น
ด้วยอาการง่วงนอนอย่างหนัก แล้วก็เป็นหวัดอีกนิดหน่อย
แต่พอเป็นหวัดแล้วก็ทำให้รู้สึกดีใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะคนโง่ไม่เป็นหวัด
เราเป็นหวัดแสดงว่าเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้าง
ว่าแล้ววันสนุกๆก็หมดไปอีก 1 วัน
อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเราไปนานๆ
-----------------------------
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น