Facebook

"This is a playground world"

กว่าจะมาเป็น Playground ตอนที่ 25

10/5/2550

12.20 น.

"ฝนพรำ การเดินทาง พัทยา และคนธรรมดา" ตอนที่ 3

วันนี้ฟ้าหม่น เป็นสีออกเทาๆ ดูแล้วเศร้าใจจัง บรรยาการก็ชวนให้ขี้เกียจ
จนไม่อยากจะทำอะไรเลยซักอย่าง แต่ก็ไม่ได้อ่ะนะ เพราะยังไงก็ยังต้องกินข้าว
เที่ยงกว่าๆ นาฬิกาชีวิตเริ่มทำงาน ร้องครวญครางโครกครากแสดงความหิว
เหมือนกับจะพยายามออดอ้อนให้ออกไปกินข้าวได้แล้ว
หลังจากแวบไปเคลียร์งานที่แสนจะวุ่นวายแล้วก็สั่งเพื่อนๆซื้อข้าวเพราะขี้เกียจออกไป
แล้วก็มานั่งอ่านการ์ตูนต่ออีกเล็กน้อย กะว่าจะนั่งเขียนบันทึกต่อให้จบ
แต่ข้าวกลางวันมาแล้วไปกินก่อนดีกว่า

ตื่นจากการนอนแบบกินบ้านกินเมืองและอาบน้ำเรียบร้อย
ก็ล่ำลาเพื่อนๆ และออกจากที่พักมาพร้อมกับพี่เก้ง วันนี้ตัวใครตัวมัน
เพื่อนคนอื่นๆยังนอนอยู่ พี่เก้งก็จะกลับไปบ้านที่ชลบุรี
ผมเองนัดกับน้องไว้ว่าจะไปเกาะล้านแต่น้องๆก็ยกเลิก
ก็เลยไปนั่งเตียงผ้าใบริมหาดเล่นๆค่าเวลาแหมช่างแสนสบายใจกันจริงๆ
เหลือกันไม่กี่นาง มีน้องเจ น้องต้อง น้องพลอย น้องแพร น้องหวาน
แอบมองน้องๆเหลือบไปเห็นลวดลายประหลาดที่ข้อมือน้องเจ
เราก็เรียกไม่ถูกไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่ดี แต่ถ้าให้ทำก็ไม่เอาเหมือนกันไม่รู้ทำไม
กินน้ำ กินหนม กินลมชมวิวกันไปซักพักก็เลยชวนไปนั่งกินไอติมที่สเวนเซ่น

ติดค้างกับน้องหวานไว้ตั้งนานแล้วเพราะสัญญาไว้ว่าถ้าได้งานทำจะพาไปเลี้ยงติม
เข้าไปนั่งรอนานมากๆสงสัยคนจะเยอะหรือเราหน้าตาไม่ดีพอกันแน่นะ
เค้าเลยไม่ค่อยจะสนใจดูแล แอบส่งตาหวานไปให้น้องพนักงานเสริฟก็หลายครั้ง
ถ้าเป็นปลากัดคงออกลูกแฝดไปแล้ว แหมไปว่าเค้า ยังดีเค้ายังยิ้มให้

ซักพักก็ได้สั่งไอติมซะที แต่ไอติมที่นี่หวานชะมัด สั่งไอติมข้าวเหนียวมะม่วงไปด้วยสิหวานมาก
แต่ดีใจเห็นน้องๆมีความสุขกับไอติม ชอบดูคนกินอย่างมีความสุข
จำได้ว่าเคยพาน้องสาวไปกินขนมเค้ก ดูเค้ามีความสุขกับขนมเค้กมากๆเลยน่ารักดี
แต่พอเราขอชิมก็ไม่เห็นมันจะอร่อยเลิศซักแค่ไหน อืมแปลกใจจริงๆ

เสร็จจากการรับประทานไอติมกันเสร็จก็เข้าไปเดินเล่นที่ Royal gaden ในที่สุดก็รู้ชื่อเต็ม
น้องพลอยอยากลองเข้าบ้านผีเพราะเมื่อครั้งที่แล้วกลับกันก่อน
ครั้งนี้ก็เลยเข้าเป็นเพื่อนน้องเค้าอีก 1 รอบ แต่เอ๊ะทำไมรู้สึกใจเต้นตุบๆ
จัดการซื้อตั๋วแล้วก็ยืนรอเข้าคิวโดยน้องคนอื่นยืนรอกันอยู่ด้านนอก
วันนี้คนเยอะกลุ่มผมก็ค่อนข้างเยอะจนจับเชือกไม่ได้ แถมได้อยู่คนสุดท้ายอีกแล้ว เบื่อจัง
ก็เลยแกล้งหลอนชาวบ้านไปตลอดทาง เหอๆ หลอกคนมันสนุกแบบนี้นี่เอง
ไว้ตกงานเมื่อไหร่จะมาสมัครเป็นผีคงจะดีเหมือนกัน

วันนี้บ้านผีครึกครื้นมาก มีพี่ผี อยู่เกือบทุกระยะคนที่กลัวก็แทบหายใจกันไม่ทัน
น้องสาวของเราก็ก้มหน้างุดๆ ไปตลอดทางเช่นกัน
แล้วก็มาถึง ทางออกที่มีพี่ผีถือเลื่อยกะว่าจะวิ่งไล่ตามผีซะหน่อย
แต่น้องๆกลุ่มหลังตามมาทันพอดีพี่ผีเลยไม่ยอมออกมา

ทริปนี้ช่วงหลังเปลืองตัวมากๆคับ น้องกลุ่มหลังไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักหนา
เอะอะๆ ก็เข้ามาจับแขนดึงเสื้อเราตลอดเลย 555 (ไม่รู้จะด่าตัวเองว่าไงดี ไอ่....หน้าตาดีเอ๊ย)
ออกมาถึงทางออกน้องกลุ่มหลังคงเห็นความจริง ก็เลยทำหน้าแหย แล้วเดินหายไปในพริบตา

จากบ้านผีเราก็ลงมาถ่ายรูปกันที่ลานน้ำพุ ช่างคิดกันจริงๆ
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ จนเย็นมากน้องแพรก็เลยขอตัวกลับก่อน
ก็เหลือกันอยู่ หนุ่มกับ สาว นั่งรอรถกันอยู่ริมหาด แล้วก็ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย
นั่งดูเจ๊อีกกลุ่มนึงที่อยู่แถวนั้น คนอาไร๊ อารมณ์ดีไร้ขอบเขตจริงๆ
จนกระทั่งรถตู้มารับ ก็ได้เวลากลับซะที

ได้นั่งรถรอบหาดจอมเทียนกันอีก รอบก่อนกลับ
เพราะพี่รถตู้เค้าต้องรับคนอื่นด้วย และแล้วก็หมดภาระกิจที่พัทยา สนุกปนเหนื่อย
แต่ยังคับยังไม่จบ นั่งรถมาได้เรื่อยๆ พยายามจะหลับแต่หลับไม่ลง
นั่งใกล้คนหน้าตาดี คนแล้วหวั่นไหว เลยนอนไม่หลับ
แถมพอฟ้าเริ่มมืดอารมณ์ศิลปินก็เริ่มมาคับเริ่มฟุ้ง
นั่งคิดอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างจนมาถึงเรื่องที่น้องๆเล่าว่าตอนอยู่มหาลัย
ต้องมีการแกล้งบีบน้ำตาด้วยยากมาก เราก็สงสัยว่าจะยากจริงมั้ย
ก็เลยลองร้องไห้ดูบ้าง นั่งนึกเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิต เรื่องอะไรดีล่ะ
คิดไม่ออก ชักยากแล้วแฮะ ลองคิดว่าตัวเองเป็นโกโบริแล้วกำลังต้องตายจากอังศุมาริน
เฮ้อกลายเป็นจะขำไปซะงั้น สรุปว่า ยากมากๆ ก็เลยนั่งหลับตามาเรื่อยๆกะว่าจะให้หลับๆไปซะ
จะได้ไม่ฟุ้งมาก ดันมาถึงกรุงเทพพอดีซะอีก เป็นอันว่าทำไม่ได้

มาถึงกรุงเทพนั่นแน่ น้องพลอยของเราชวนไปกินสุกี้หน้าดีฟที่แถวข้าวสาร
ไปก็ไปหิวพอดี แต่ก็ยังไม่เข้าใจทำไมต้องไปถึงข้าวสารนะ
นั่งรถแท็กซี่กันไปเลย คนรวมพี่คนขับเป็น คน(จะรวมทำไมเนี่ย)
พลอยนั่งหน้า ที่เหลือนั่งหลังหมด ยกเว้นโชเฟอร์นะ(ไหนๆก็ไหนๆเล่นอีกที)
ระหว่างทางพลอยก็คุยโทรศัพท์ไป ข้างหลังก็เมากัญญาชากันไป
หัวเราะ(อาการของพลอย)กันจนสุดทางเลยว่างั้น
ถึงข้าวสารก็พากันลงไปยังร้านสุกี้ สั่งกินกันคนละกะทะ ก็อร่อยดีเหมือนกันคับ
ไม่รู้อร่อยอยู่แล้วหรือเพราะนั่งรถไกลหิวเลยเกิดจะอร่อยขึ้นมา
กินกันไปคนละจาน ไม่สิ คนละกะทะ ถ้าเป็นน้ำจะใส่ถ้วยถ้าแห้งจะเป็นกะทะ
วันหลังน่าลองสั่งแบบน้ำแล้วใส่กะทะดู 555

กินหมดแล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน
เป็นอันว่าทริปการเดินทางของผมในสุดสัปดาห์นี้ก็สิ้นสุดลงซะที

นั่งมองผ่านกระจกข้างรถไปเรื่อยๆ ไอเย็นจากภายในตัวรถทำให้เกิดฝ้าขึ้นเล็กน้อย
สายฝนก็ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ต่างจากวันก่อน
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า คนที่เหมือนๆกัน มักจะดึงดูดให้มาเจอกัน
แล้วเราเหมือนคนอื่นๆตรงไหนกันนะ คิดเท่าไรก็ไม่ออกเพราะคำตอบที่ออกมา
ก็ไม่พ้นคำว่า "ผู้ชายธรรมดา"

19/5/2550

12.25 น.

"ยามพระพายพริ้วแผ่วกรายกราวใบมะพร้าวล้อลม"

ได้หูฟังมาใหม่ เป็นหูฟังที่ไปยึดจากชาวบ้านมา
เพราะหูฟังของผมหมดอายุไปนานแล้ว
ก็เลยได้ไปค้นเครื่องขุดเอาเพลงเก่าๆมาฟังเจอเพลงที่ชอบอยู่หลายเพลง
อยู่ในโลกส่วนตัว นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ ไม่สนใจใครเลย สบายใจดีจัง
นั่งฟังไปเรื่อยๆแล้วก็อยากให้คนอื่นได้ฟังเพลงที่เราชอบบ้าง
กะว่าจะเอาไปลงในสเปซเผื่อจะมีใครเข้าไปดู
แต่ทำไม่เป็นเข้าไปนั่งงมอยู่วันกว่าๆ สรุปว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า
ก็เลยถามน้องสาวว่าทำเป็นมั้ยทำยังไงเหรอ
น้องก็อธิบายดีนะ แต่สงสัยผมจะไม่เข้าใจเอง เฮ้อ พวกตื่นเทคโนโลยี

ความเดิมจากตอนที่แล้วที่เพลงปล่อยวางได้ถูกเปิดออกอากาศครั้งแรก
โอ้ว ไม่น่าเชื่อ เพลงนี้มันช่างไพเราะเสนาะโสต ของเค้าดีจริงๆ
นั่นหมายถึงพวกเค้าจะได้ไปร่วมในงาน Sunshine Music Aword เยๆ
ที่จะมีนักดนตรีจากทั่วภาคตะวันออก ไปรวมตัวกันแล้วคัดไปเล่นในวันจริง 10 วง
ซึ่งเงื่อนไขการเล่นรอบแรกจะต้องเล่น เพลง เพลงอะไรก็ได้ เพลง
เพลงพระราชนิพนธ์ เพลง โจทย์มาแบบนี้ก็เข้าทางเพลย์กราวด์เลยน่ะสิคับ
เพราะมีเพลงพระราชนิพนธ์ ใกล้รุ่ง เป็นเพลงหากินอยู่แล้ว
ส่วนอีกเพลงก็ปล่อยวางแน่นอนไม่มีปัญหา แต่ครั้นจะเอาเพลงพระราชนิพนธ์มาเล่นดิบๆดื้อเห็นจะไม่ดี
ก็เลยมาทำการเรียบเรียงเสียงประสานกันใหม่(ฟังดูหรูหราเนอะ)
รอบคัดเลือกรอบแรกจำได้ว่าทุกๆวงจะได้เล่นในโรงเบียร์ซึ่งน่าตื่นเต้นมากๆ เมามากด้วย
ก็เป็นอันว่าก่อนจะถึงวันที่จะต้องเล่นก็เป็นการซ้อมกันอย่างหนัก

และแล้วก็มาถึงวันงาน วันที่จะแสดงเพื่อคัดเลือกวงดนตรี 10 วงก็มาถึง
แต่ละวงก็ใช่ว่าจะธรรมดานะครับฝีมือดีกันทั้งนั้นเลย
จริงๆแล้ว สำหรับเพลย์กราวจะเล่นวันที่ การคัดเลือกจะแบ่งเป็น วัน
เพราะมีวงดนตรีที่เข้ารอบมาเยอะมาก 20 วงเห็นจะได้
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงเมื่อทีมงานเรียกให้เพลย์กราวด์ขึ้นไปเซตอุปกรณ์
และเชิญชวนให้ผู้ชมทั้งหลายได้รู้จักกับเพลย์กราวด์

เริ่มต้นอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ ใกล้รุ่ง ที่เล่นด้วยทำนองพิเศษของเพลง กอซซิป
สร้างความคึกคักเปลี่ยนบรรยากาศในโรงเบียร์ให้มีชีวิตชีวามากขึ้น
จากนั้นก็ตามด้วยเพลงไม้ตาย ปล่อยวาง ที่ไม่ต้องบอกก็คงรู้ถึงพิษสง
การแสดงรอบคัดเลือกจบลงด้วยคำกล่าวปิดท้ายของพิธีกรที่ว่า
วงนี้นักร้องเต็นได้มันส์จริง
เหมือนกับสายลมจากท้องทะเลที่พัดมากระทบใบมะพร้าว
ให้กรีดกรายไปตามแรงลมไหวอย่างสวยงาม จนดึงดูดให้ผู้คนที่พบเห็นต้องเหลียวมามอง
ด้วยแรงดึงดูดอันน่ามหัศจรรย์ของลมทะเล

______________________
โปรดติดตามตอนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น