23.55 น.
"เพลงรัก จาก ต.ตุ้ย"
ค่ำคืนนี้ก็มีเรื่องให้คิดอยู่อีกมาก เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา
เริ่มกองสูงขึ้น สูงขึ้น จนผมเองตัวเล็กลง เล็กลง
จากเคยคิดว่าตัวเองเก่ง กลายเป็นไม่เก่ง
สิ่งเดียวที่รู้ก็คือ ผมไม่รู้อะไรซักนิดเดียว
กำลังคิดว่านี่ก็คงเป็นความฝันนึงล่ะมั้งซึ่งพอตื่นขึ้นมามันก็จะหายไป
เหมือนกับทุกๆครั้งที่หลับฝันดีแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาอย่างเสียดาย
จนทำให้บางครั้งไม่อยากที่จะหลับลงไป
เพราะหากครั้งใดที่ฝันดี มันก็จะหายไปเมื่ออาทิตย์ส่องแสง
จำได้เมื่อครั้งอยู่ปี 2 หลังจากได้ยลโฉมเส้นทางแห่งกลีบดอกไม้
และได้ฝ่าฟันการสอบไฟนอลอันแสนจะท้าทายไปได้อย่างราบรื่น
นิสิตทุกคนก็จะมีความสุขกับปิดเทอมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
มหาลัยจะดูเงียบไปถนัดตา ผมเองก็หลีกลี้หนีไปพักผ่อนอย่างสงบ
ในที่อื่นซึ่งก็ไม่ใช่ที่มหาลัยอย่างแน่นอน
ระหว่างที่กำลังมีความสุขกับช่วงปิดเทอมก็มีโทรศัพท์ลึกลับ(อิอิ)
ของหนุ่มหล่อมาดเซอร์ นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว
โทรมาให้แปลกใจ เพราะปกติ จะมีแต่สาวๆโทรมา
"ขณะนี้ถึงเวลาตัดยอดบัญชีแล้ว โปรดกรุณาชำระในวันรุ่งขึ้น
หากท่านชำระแล้วบริษัทต้องขออภัยด้วยนะคะ"
นั่นล่ะเสียงสาวๆที่โทรมาหาผมเป็นประจำ
เมื่อมีโทรศัพท์จากชายหนุ่มมาบ้างก็ทำให้ยิ่งแปลกใจ
และก็ยิ่งน่าแปลกใจที่เป็นพี่ ต.ตุ้ย โทรมา เพราะปกติ ผมและพี่ตุ้ย
ไม่ค่อยโทรคุยกัน (เด๋วเกิดหลงรักกันขึ้นมาจะน่าอนาถ)
พี่ตุ้ยโทรมาบอกว่าฟังเพลงใหม่รึยัง ชื่อเพลง แค่บอกว่ารักเธอ
น่าเล่นดีลองไปฟังดูจิ (แค่นี้แหละคับบทสนทนาของเรา)
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเพลงไรหว่าของ หมีพู ชื่อประหลาดจัง
จนได้เปิดฟังวิทยุ แล้วก็มีเพลง เพลงหนึ่ง ที่มีเนื้อหาดีมาก
พี่ติ๊กเองยังเคยพูดไว้สำหรับเพลงนี้เลยว่า
เพลงนี้ทำให้มีความกล้าเพิ่มขึ้น อีก 10%
หลังจากฟังเพลงนี้ผมเองก็ไปหาซื้อมาเก็บไว้หวังว่าจะเล่นให้เป็น
จะร้องให้ได้เผื่อจะมีความกล้าที่จะบอกอะไรๆมาขึ้นกว่าเก่า
แล้วปี 3 ของเพลย์กราวด์ผมก็ได้ยินพวกเค้าเล่นเพลงนี้กันจริงๆ
เล่นบ่อยมากเสียด้วย จนมันก็ทำให้ผมเองกล้าที่จะบอกว่า ชอบใคร
ไม่ได้บอกเจ้าตัวหรอกครับ บอกกับเพื่อนๆนี่แหละเพราะ
ความกล้ามันเพิ่มมาแค่ 10% นี่นา แต่มันก็ทำให้เพื่อนๆเอาใจช่วย
ขึ้นมาอีกเยอะเหมือนกัน จนผมก็แน่ใจว่าเค้าคนนั้นก็คงรู้ว่า
มีผู้ชายขี้เหร่คนนึงแอบชอบอยู่ ดังนั้นอย่าเผลอเชียวไม่งั้นเสร็จแน่
ตอนจบเป็นไงคงไม่ต้องบอกกันนะคับ
แต่ยังไงซะก็ต้องขอบคุณเพลงรักจาก พี่ตุ้ย
ที่ทำให้มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นในชีวิตเหงาๆ ของคนเหงาๆ
20/2/2550
21.44 น.
"บันทึกจากกลิ่น"
เมื่อสองสามวันก่อนได้มีโอกาสไปเดินเล่นที่ ม.เกษตร
เดินจากประตูทางฝั่งพหลโยธินไปที่ตึกวิทยบริการ
ใครไม่เคยไปก็ไม่ต้องนึกภาพตามก็ได้คับบ่นให้ฟังเฉยๆ
ระหว่างทางก็นึกถึงเมื่อครั้งที่มาดูผลเอ็นทรานซ์
นึกถึงวันที่มารับน้องเอ็นทรานซ์
ห้วงคำนึงต่างๆเหล่านี้ มาจากไอดินและกลิ่นหญ้าที่ลอยมา
สัมผัสกับปลายจมูกเข้า ภาพต่างๆก็ผุดขึ้นมาได้อีกครา
ไม่แน่ใจนักว่าคนอื่นๆเรียกอาการแบบนี้ว่าอะไร
อาการเมื่อนึกถึงบรรยากาศเก่าๆที่เคยผ่านมา
อาการของความรู้สึกเก่าๆที่หวนนึกขึ้นมาได้อีกครั้ง
ผมเรียกมันว่า "กลิ่น"
บางครั้งนั่งฟังเพลงสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังหนุ่มยังสาว
ก็นึกถึงอดีตสมัยที่เรายังเด็ก
เข้าหน้าหนาวลมเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้า
ก็นึกถึงช่วงวันปีใหม่ในปีก่อนๆที่ผ่านมา
นึกถึงเสื้อกันหนาวตัวเก่าที่หายไปจากตู้เสื้อผ้าเมื่อนานมาแล้ว
อ่านหนังสือการ์ตูนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีภาพแห่งความหลัง
ก็นึกถึงอดีตของตัวเอง ที่ผ่านมานานแสนนาน
มันเป็นกลิ่นจริงๆนะครับ กลิ่นไอที่สนามหญ้าแต่ละที่แต่ละแห่งก็ไม่เหมือนกัน
กลิ่นบ่อน้ำ กลี่นคาวปลาในบึง กลิ่นไม้น้ำ ก็มีเอกลักษณ์ของมัน
กลิ่นสายลมอย่างลมหนาวก็เหมือนกัน
กลิ่นไอแดด กลิ่นเศษใบไม้ ต่างๆนาๆแทบนับไม่ไหว
เหล่านี้แหละคือกลิ่น
แต่...
เสียงกีต้าร์ คอร์ด ซี ที่เพี้ยนๆนี่สิ
เสียงเครื่องรถที่ดังเป็นจังหวะที่คุ้นเคย
ภาพของสถานที่ๆในความทรงจำ
หรือแม้แต่กระทั่งสิ่งของที่ดูคุ้นตา
ผมก็นิยามมันว่ากลิ่นเช่นกัน
จะอะไรก็แล้วแต่บางทีคงเป็นที่มันฟังดูจะเพี้ยนๆ
สำหรับคนที่เพี้ยนๆ ซึ่งอาจไม่มีความสำคัญและไร้สาระที่จะมานั่งวิเคราะห์
เหมือนกับกลิ่นของความสนุกสนานท่ามกลางผู้ที่คิดดีๆ
ท่ามกลางพวกพ้องเพื่อนฝูง เมื่อได้กลับมาสัมผัสอีกครั้ง
จึงได้เข้าใจว่ามันเป็นกลิ่นที่คิดถึงนี่เอง
พวก
พ=พึ่งพา
ว=ไว้ใจ
ก=เกรงใจ
________________
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น